ผ่าขุมข่ายธุรกิจ 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' กุมบังเหียน เดวิส กรุ๊ป กว่า 700 ล้าน
ผ่าอาณาจักร 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' เจ้าพ่อจอมแฉ กับธุรกิจเครือ เดวิส กรุ๊ป รวมทุนจดทะเบียน กว่า 700 ล้านบาท ก่อนเจอดราม่า ปมถุงเงิน
ชื่อของ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" เจ้าของธุรกิจระดับเบอร์แรกของประเทศ และ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ร้อนแรงไม่แผ่ว หลังจากเป็นผู้นำการแฉ ทุกระดับชั้น แต่ยิ่งดูจะตอกย้ำความร้อนจนปรอทแทบแตก เมื่อ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด เปิดศึก ถุงเงิน แฉกลับ เจ้าพ่อนักแฉ "แฉไป ไถไป" รับเงินสีเทา จากเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ "สารวัตรซัว"
ปม ถุงเงิน 6 ล้านบาท ที่ถูกกล่าวถึง ทำให้ต้องย้อนกลับไปส่อง ทรัพย์สิน และ อาณาจักร ของ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็พบว่า เขาเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 5 แห่ง ถือหุ้นอีก 7 แห่ง รวมทุนจดทะเบียน 736 ล้านบาท
ผ่าอาณาจักร 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์'
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อัปเดตล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 พบว่า “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 5 แห่ง รวมทุนจดทะเบียน 287 ล้านบาท ได้แก่
1. บริษัท ทรัพย์สินตระการตา จำกัด
- จดทะเบียนปี 2538
- ทุนปัจจุบัน 3 ล้านบาท
- ทำธุรกิจรับเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำด้านบริหารงาน
- 2564 มีรายได้รวม 28,000 บาท
- รายจ่ายรวม 10,924 บาท
- กำไรสุทธิ 17,076 บาท
2. บริษัท บุญต่อตระกูล จำกัด
- จดทะเบียนปี 2541
- ทุนปัจจุบัน 3 ล้านบาท
- ทำธุรกิจกิจกรรมให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น
- ปี 2564 มีรายได้รวม 23,125 บาท
- รายจ่ายรวม 10,763 บาท
- กำไรสุทธิ 12,361 บาท
3. บริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัด
- จดทะเบียนปี 2545
- ทุนปัจจุบัน 250 ล้านบาท
- ทำธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
- ปี 2563 (แจ้งล่าสุด) มีรายได้รวม 8,931,578 บาท
- รายจ่ายรวม 6,471,868 บาท
- เสียภาษีเงินได้ 491,942 บาท
- กำไรสุทธิ 1,967,768 บาท
4. บริษัท เดวิส ซิลเวอร์ สตาร์ แมเนจเมนท์ จำกัด
- จดทะเบียนปี 2536
- ปัจจุบัน 1 ล้านบาท
- ทำธุรกิจ ให้บริการเช่าพื้นที่
- ปี 2563 (แจ้งล่าสุด) มีรายได้รวม 155,725 บาท
- รายจ่ายรวม 672,527 บาท
- ขาดทุนสุทธิ 516,801 บาท
5. บริษัท เจริญจำเนียรกาล จำกัด
- จดทะเบียนวันที่ 11 ก.ย. 2544
- ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท
- รับเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำปัญหาเกี่ยวกับด้านบริหารงาน
- สถานภาพกิจการเสร็จการชำระบัญชี (งบการเงินนำส่งปี 2550)
- สินทรัพย์รวม 28,765,050 บาท
- รายได้รวม 4,208 บาท
- รายจ่ายรวม 10,000 บาท
- ขาดทุน 5,792 บาท
อย่างไรก็ตาม ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เคยแจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีบุตรในสมรส 4 คน และนอกสมรสที่รับรองแล้ว 1 คน รวม 5 คน คือ
- ต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ คนโต
- เติมตระกูล กมลวิศิษฎฺ์ คนรอง
- ตระการตา กมลวิศิษฎ์ คนที่สาม
- ต่อตระกูล กมลวิศิษฎฺ์ คนที่สี่
- ดวงตระการ กมลวิศิษฏ์
โดยรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ครั้งล่าสุด กรณีพ้นตำแหน่ง สส. ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2557 ชูวิทย์ แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 92,688,675 บาท ได้แก่
- เงินฝาก 6 บัญชี 251,675 บาท
- เงินลงทุน 8 แห่ง 445,000 บาท
- ที่ดิน 8 แปลง 79,922,000 บาท (อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 7 แปลง กทม. 1 แปลง)
- บ้าน 1 แห่ง (เขตสายไหม กทม.)
- คอนโดฯ 2 ห้อง 10.2 ล้านบาท
- รถยนต์ 1 คัน 1 แสนบาท (เบนซ์รุ่นหางปลา)
- ทรัพย์สินอื่น (อาวุธปืนทั้งหมด) 1,770,000 บาท
- มีหนี้สิน 2,229,342 บาท
ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ขณะนั้นมี 2 คน จากทั้งหมด 5 คน) มีทรัพย์สิน 255,097,038 บาท ได้แก่
- เงินฝาก 8 บัญชี 1,224,538 บาท
- เงินลงทุน 8 แห่ง 182,954,000 บาท
- เงินให้กู้ยืม 10 ล้านบาท (ให้ บมจ.ธิสโก้ กู้ยืมเมื่อ 19 ต.ค. 2557 2 ครั้ง ๆ ละ 5 ล้านบาท)
- ที่ดิน 8 แปลง 60,718,500 บาท (กทม. 4 แปลง สมุทรปราการ 4 แปลง) บ้าน 1 หลัง (สมุทรปราการ) 2 แสนบาท
- รวมมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 347,785,714 บาท มีหนี้สิน 2,229,342 บาท
สำหรับขุมข่ายธุรกิจเครือ “เดวิส กรุ๊ป” มี 3 บริษัทหลัก คือ บริษัท ต้นตระกูล จำกัด และบริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด ทำธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์หลัก ส่วนบริษัท เดวิส 24 จำกัด เป็นบริษัทโฮลดิ้งลงทุนในธุรกิจต่างๆ
จาก 'สวนชูวิทย์' มิกซ์ยูสสู่ 'เทนธ์ อเวนิว'
และที่เรียกเสียงฮือฮากลับมาอีกครั้ง อีกหนึ่งขุมทรัพย์ของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นั่นคือ สวนชูวิทย์ ที่แต่เดิมให้เช่าเป็นบาร์เบียร์ และร้านค้าชื่อ สุขุมวิทสแควร์ ที่ชูวิทย์ ซื้อต่อมา และเคยมีแผนสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว แต่เกิดปัญหากับผู้เช่าเดิม จนเป็นที่มาคดีรื้อบาร์เบียร์ เมื่อปี 2546
เหตุการณ์นั้น ทำให้ชูวิทย์ ตัดสินใจออกจากธุรกิจอาบอบนวด หันมาทำงานการเมือง และยกเลิกโครงการสร้างโรงแรม สร้างเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็น สวนชูวิทย์ ในปัจจุบัน
แต่ขณะนี้ สวนชูวิทย์ กำลังถูกพลิกโฉม เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ที่ความสูง 51 ชั้น ไม่รวมชั้นใต้ดิน “เทนธ์ อเวนิว” ประกอบด้วยอาคารสถานพยาบาล อาคารสำนักงาน โรงแรม สถานศึกษา พื้นที่พาณิชยกรรมพื้นที่ค้าปลีก ช็อปปิ้ง สร้างแลนด์มาร์คใหม่กลางกรุง โดยประเมินว่า จะสร้างมูลค่าให้กับที่ดินผืนนี้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า นับจากการก่อสร้าง ปี 2565
แต่ก็ถูกตั้งคำถามจากศรีสุวรรณ จรรยาว่า สถานะของที่ดินแห่งนี้ เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปแล้วหรือไม่ ซึ่งชูวิทย์ ก็ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ที่ดินยังเป็นของเขา มีหลักฐานการเสียภาษีชัดเจน ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคม-กันยายน ปีที่แล้ว ก็เพิ่งชำระภาษีที่ดินไปเป็นเงินกว่า 2,250,000 บาท
ขอบคุณที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า,กรุงเทพธุรกิจ,ฐานเศรษฐกิจ