'ชูวิทย์' หอบ 6 ล้าน ทำพิธีเซ่นไหว้ ก่อนมอบ ตำรวจกองปราบ
'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' หอบเงิน 6 ล้านบาท ทำพิธีเซ่นไหว้ สัมภเวสี ก่อนมอบ ตำรวจกองปราบ โชว์เอกสาร ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำเงิน 6 ล้านบาท มอบให้กับตำรวจกองปราบฯ แล้ว ภายหลังบริจาคให้กับโรงพยาบาล 2 แห่ง แต่เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าว ถูกระบุว่า เป็นเงินที่ได้มาจากพนันออนไลน์ โรงพยาบาลจึงได้ส่งเงินคืน ก่อนที่นายชูวิทย์ จะนำมามอบให้กับตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
โดยก่อนที่จะนำเงินมอบให้กับตำรวจ นายชูวิทย์ได้นำผ้าขาวปูที่พื้น พร้อมกับวางของเซ่นไหว้ ประกอบด้วย หัวหมู ไก่ เป็ด ผลไม้และ สุรา เพื่อไหว้สัมภเวสี ตามความเชื่อ จากนั้น จึงเรียงเงินสดที่เป็นธนบัตรใบละ 1,000 วางซ้อนกันบนพาน มูลค่ารวม 6 ล้านบาท
พร้อมพนมมือ และกล่าวว่า ข้าพเจ้า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ขอเซ่นไหว้หมูเห็ดเป็ดไก่เหล้า ให้กับสัมภเวสี เงินต่างๆ ที่นำมา ก็รับ และนำไปบริจาค แต่ว่ามีวิญญาณเร่ร่อนสัมภเวสี ที่จะมาฉกฉวย แย่งซีน
นอกจากนั้น ยังแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคเงิน เริ่มต้นรับมาเป็นเงินสด จากนั้น นำไปซื้อแคชเชียร์เช็ค บริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราช 3 ล้านบาท และอีก 3 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ทั้งหมดทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ผ่านบัญชีตัวเอง รวมทั้งใบเสร็จหลังการทำบุญ ก็ไม่เคยนำไปลดหย่อนภาษีใดๆ
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า วันนี้ที่เขามากองปราบฯ ก็เพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า เงินที่ได้มาทั้งหมด ยินดีที่จะส่งคืนกลับไปยังต้นทาง ซึ่งเงินนี้เป็นเงินที่ผู้ที่ให้ตั้งใจจะทำบุญอยู่แล้ว ในส่วนช่องว่างที่เงินมาค้างอยู่กับเขาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะนำไปบริจาคนั้น เป็นเพราะการเดินทางไปบริจาคไม่สามารถที่จะทำได้ทันที ต้องนัดหมายล่วงหน้าก่อนที่จะไปบริจาคให้โรงพยาบาล
"เงินก็คือเงิน แต่ถ้าถามว่า ที่มาของเงิน นำมาจากไหน ต้องไปถามที่นายพล ป.ปลา ยืนยันว่า เงินก้อนนี้ มันไม่ใช่การขู่เข็ญ ไม่ได้ให้ในที่หลบซ่อน ออฟฟิศตั้งอยู่ถนนใหญ่ ให้เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2565 ขณะนั้นผมอยู่ที่ จ.ปทุมธานี พักผ่อนอยู่ ซึ่งติดต่อมาอยากจะทำบุญ จนกระทั่งต้นปี 2566 ผู้ที่นำเงินมาติดต่อ อยากจะทำธุรกิจอาบอบนวด อยากปรึกษาผม เพราะมีความรู้เรื่องนี้" ชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวว่า สำหรับความสัมพันธ์ของผู้สื่อข่าวอาวุโส ของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง และนักธุรกิจหนุ่มทั้งสองมีการพบกัน โดยการประสานของ พล.ต.อ. “ช.ช้าง” ซึ่งการพบกันครั้งนั้น สื่ออาวุโส ได้กล่าวตำหนิ นักธุรกิจหนุ่ม เรื่องการทำพนันออนไลน์ ซึ่งเขามองว่า การกระทำดังกล่าวไม่มีความสมเหตุสมผล และคาดว่า จะเป็นการทำเพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น อยากให้ทุกคนได้เข้าใจว่า ถ้าเป็นสื่อใหญ่ และเรียกนักธุรกิจหนุ่มเข้ามาตำหนินั้น ไม่ใช่หน้าที่ของสื่อ
ส่วนประเด็นการนำเรื่องที่ดินของเขา ไปเปรียบเทียบกับที่ดินเขากระโดง ก็เป็นคนละประเด็นกัน การที่พูดว่า จะให้ หรือบริจาค ก็เป็นคนละประเด็นเช่นกัน ตอนนี้เขาจะนำไปสร้างตึก และด้านหน้าทำเป็นสวน ก็เป็นไปได้ทั้งหมดนั่นเป็นสิทธิของตัวเอง เรื่องที่ดินยืนยันที่จะสู้ต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าว นายชูวิทย์ ได้นำเงินสด ใส่กระเป๋า ก่อนจะเดินขึ้นไปบนอาคารกองบังคับการปราบปราม พร้อมกับ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลถึงที่มาของเงิน