เผยปม 'ยิงถล่ม' 4 ศพ อดีตผู้ใหญ่บ้าน จี้สอบ อาวุธปืนราชการหรือไม่
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เผยปม 'ยิงถล่ม' 4 ศพ อดีตผู้ใหญ่บ้าน สุราษฎร์ธานี เร่งล่า ด.ต. มือยิง พร้อมสอบ อาวุธปืนของราชการหรือไม่
ตำรวจภาค 8 เผยปมเหตุ ดาบตำรวจ “ยิงถล่ม 4 ศพ” อดีตผู้ใหญ่บ้าน กลางสวนปาล์ม ในพื้นที่หมู่ 8 ต.กะเปา อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎ์ธานี พร้อมเร่งตามล่าตัว และตรวจสอบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนของราชการหรือไม่
โดยวันนี้ (9 เม.ย.2566) พล.ต.ท.สุรพงศ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ นำกำลังลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ที่ สภ.คีรีรัฐนิคม พร้อมเปิดเผยชนวนเหตุ ว่า นายธรรมรงค์ นิลนิยม หรือ ผู้ใหญ่รงค์ อดีตผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิต และมีศักดิ์เป็นพ่อตาของ ด.ต.อรรถพร วิเชียร ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.กาญจนดิษฐ์ ผู้ก่อเหตุ
วันที่เกิดเหตุ ด.ต.อรรถพร ได้เดินทางมาที่บ้านของนายธรรมรงค์ เพื่อเจรจา เรื่องการหย่าร้างกับภรรยา คือ น.ส.พนิดา นิลนิยม ลูกสาวคนเดียวของนายธรรมรงค์ จากการสอบสวนทราบว่า นายธรรมรงค์ มีความไม่พอใจในตัวของ ด.ต.อรรถพร อยู่แล้ว เนื่องจากมีฐานะที่ต่ำกว่า และพยายามจะให้เลิกกันหลายครั้ง ทำให้เกิดเป็นประเด็นปัญหาสะสมมานาน จึงคาดว่า น่าจะเป็นชนวนนำมาสู่การก่อเหตุครั้งนี้
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า คนร้าย ยังบอกไม่ได้ว่ามีใครบ้าง แต่มีมากกว่า 3 คน ส่วนภาพวงจรปิดเป็นหลักฐานทางคดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมทั้งอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จะต้องนำไปตรวจสอบกับต้นสังกัดว่า มีการเบิกจ่ายออกมาจริงหรือไม่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสของผู้ต้องสงสัย ร่วมก่อเหตุยิงถล่มในครั้งนี้ 1 ราย เนื่องจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ด.ต.อรรถพร หลังก่อเหตุ ได้ใช้รถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กร 3948 สุราษฎร์ธานี ขับหลบหนีไปกับ น.ส.พนิดา บุตรสาว นายธรรมรงค์ ผู้ตาย นอกจากนั้น จากการตรวจสอบพบว่า นายวัฒน์ วิเชียร คนร้ายที่ถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เป็นพี่ชายของ ด.ต.อรรถพร ที่เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำมาไม่นาน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้เร่งรัดคดี เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ใช้อาวุธปืนหลายขนาด ทั้งอาวุธปืนเล็กยาว เป็นปืนลูกซอง อาวุธปืนขนาด 5.56 มิลลิเมตร หรือ เอ็ม.16 ขนาด 9 มิลลิเมตร ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน กำลังเร่งตรวจสอบ และแกะรอยหาตัวผู้ก่อเหตุ ส่วนประเด็นอื่นๆ ยังไม่ตัดทิ้ง ต้องพิจารณาตามพยานหลักฐานอีกครั้ง