ข่าว

'จ่าสิบโทเขมรัตน์' แฮกเกอร์ 9near ไหว้ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ แฮกข้อมูลคนไทย

'จ่าสิบโทเขมรัตน์' แฮกเกอร์ 9near ไหว้ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ แฮกข้อมูลคนไทย

12 เม.ย. 2566

'จ่าสิบโทเขมรัตน์' แฮกเกอร์ 9near ไหว้ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ แฮกข้อมูล สารภาพซื้อข้อมูลคนไทย ผ่านเว็บไซต์อีกทอดหนึ่ง หลังพบชื่อตัวเองปรากฎ

“จ่าสิบโทเขมรัตน์” จ่าสิบโทแฮกเกอร์ 9near ยกมือไหว้ขอโทษ คนไทยทั้งประเทศ หลังจากที่ได้นำข้อมูลส่วนบุคคล ไปเผยแพร่ทางโซเชียล จนเกิดความตระหนก แต่ยืนยันว่า ไม่ได้นำข้อมูลไปขายต่อ ภายหลังนายทหารพระธรรมนูญ พาเข้ามอบตัวกับตำรวจ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) และ สอบปากคำเสร็จสิ้น

 

 

 

“ผมขอโทษคนไทยทุกคน ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ตื่นตระหนกที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ และยังไม่ได้นำข้อมูลไปเผยแพร่ที่ไหน ส่วนเหตุผล ทั้งการซื้อข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งสำนวนและรายละเอียดต่างๆ ขอให้การกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น”

 

จ่าสิบโทเขมรัตน์

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการ สอท. เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ รวมทั้งพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ได้มานั้น มีความสอดคล้องกับคำให้การ ด้วยมีความรู้ด้านไอที เพราะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงไปพบว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเอง อยู่ในเว็บไซต์ Bleach Forums ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่แฮกเกอร์นิยมใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนข้อมูลผิดกฎหมาย จึงเข้าไปตรวจสอบ และพบว่ามีข้อมูลของตนเองอยู่จริง

 

 

จ่าสิบโทเขมรัตน์ ให้การว่า ต่อมาจึงได้ติดต่อขอซื้อข้อมูลส่วนตัวคนไทยเพิ่ม จำนวน 8,000,000 เรคคอร์ด เป็นเงิน 8,000 บาท จากเว็บไซต์ดังกล่าว จากนั้นได้นำรายชื่อส่วนหนึ่ง โพสต์บนโซเชียลมีเดีย แต่ยังไม่ได้รับความสนใจ จึงได้นำข้อมูลส่วนตัวของคนมีชื่อเสียง โพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย และส่งข้อความไปหาเจ้าของข้อมูล จนเกิดเป็นกระแสขึ้นมา ทำให้รู้สึกตกใจ จนต้องหลบหนีไปยังสถานที่ต่างๆ เพียงคนเดียว

 

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการ สอท.

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหายืนยันว่า เป็นการซื้อข้อมูลไม่ใช่การแฮกข้อมูล ซึ่งข้อมูลบางส่วนได้ถูกทำลายไปแล้ว และยังไม่ได้นำข้อมูลดังกล่าวไปจำหน่ายแต่อย่างใด รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทย ที่หลุดไป 55 ล้านรายชื่อนั้น ไม่เป็นความจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบจำนวนข้อมูลที่รั่วไหลที่แท้จริง ส่วนภรรยาของจ่าสิบโทเขมรัตน์ เป็นพยาบาล มีหน้าที่ดูแลคนไข้บนวอร์ด ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลระบบไอที หรือข้อมูลอื่นๆ

 

 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DES ยืนยันว่า การกระทำผิดของผู้ต้องหา ไม่ใช่การแฮกข้อมูล และเป็นการกระทำโดยตัวคนเดียว ซึ่งจากการตรวจสอบให้การรับสารภาพและเป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนจะมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจไซเบอร์ หากพบบุคคลที่เกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการโดยไม่มีข้อยกเว้น และไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง

 

จ่าสิบโทเขมรัตน์

 

“ขอยืนยันว่าที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐได้มีการสร้างระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหลเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่งประกาศใช้ในปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย แต่ยอมรับว่าการมีข้อมูลรั่วไหลจากหน่วยงานรัฐในอดีตนั้นตนไม่ทราบรายละเอียด”

 

ทั้งนี้หลังจากการสอบปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวน และทหารพระธรรมนูญ จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลทหาร โดยท้ายคำร้องจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี โดยมีระยะเวลาฝากขังผัดแรก ตั้งแต่วันที่ 12 -23 เม.ย. 2566 รวมระยะเวลา 12 วัน