4 หมายจับ 'แก๊งอุ้มชาวจีน' ยัดใส่ลังพาสติก จับขังซ้อมรีดเงิน 4 ล้าน
ออกหมายจับ 'แก๊งอุ้มชาวจีน' ผู้ต้องหา 4 คน ร่วมจับคนจีน อุ้มยัดใส่ลังพลาสติก พาตัวออกจากคอนโดฯ จับขังที่หัวหิน ลงมือซ้อมรีดค่าไถ่ 4 ล้าน พบแฟนสาวชาวไทยดึงชายชู้ร่วมวางแผน
ตำรวจนครบาล ออกหมายจับ 'แก๊งอุ้มชาวจีน' โดยมีผู้ต้องหา 4 คน ร่วมจับคนจีนยัดใส่ลังพลาสติกขนาดใหญ่ พาตัวออกจากคอนโดมิเนียม ย่านสาทร ก่อนนำตัวไปจับขังที่หัวหิน ลงมือซ้อมรีดค่าไถ่ 4 ล้าน จากกรณีเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2566 นายยู (Mr.YU) นักท่องเที่ยวชาวจีน เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ลุมพินี ระบุ ตนขาดการติดต่อจากเพื่อชาวจีน ที่ชื่อนายหวัง (Mr.WANG) มาแล้วหลายวัน
กระทั่งวันที่ 16 เม.ย. 2566 นายหวัง ติดต่อกลับผ่านวีดีโอคอล พร้อมระบุว่า "ไม่ต้องไปแจ้งความ เดี๋ยวคนร้ายจะปล่อยตัว ถ้าโอนเงินมา" แต่เนื่องจาก นายยู เกิดความไม่สบาย หลังเห็นสภาพเพื่อนชาวจีน มีใบหน้าบอบช้ำ กลัวเพื่อนจะถูกฆ่าทิ้ง จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ
ล่าสุด มีการตั้งคณะทำงานสอบสวนสืบสวนชุดคลี่คลายคดี นำโดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) จากแนวทางสืบสวนพบว่า นายหวัง ผู้เสียหาย มีแฟนเป็นหญิงสาวชาวไทย ซึ่งคบหากันมาแล้วกว่า 1 ปี และได้เลิกลากันไป 3 เดือน ก่อนจะกลับมาคบกันอีก โดยฝ่ายหญิงทราบว่า นายหวัง มีเงิน ทรัพย์สินเป็นจำนวนมากและเป็นคน กลุ่มจีนสีเทา มีหมายจับจากทางการจีนและเชื่อว่าคงไม่กล้าแจ้งความ จึงวางแผนกับ นายกาย แฟนหนุ่มชาวไทย ชักชวนกันก่อเหตุ โดยใช้รถยนต์ บีเอ็มดับบลิว พาหนะที่นายหวังซื้อให้ฝ่ายหญิงใช้เดินทางเข้า-ออก คอนโดมิเนียม
กระทั่ง เวลา 19.00 น.ของวันที่ 14 เม.ย. คนไทยประมาณ 3 คน ประกอบด้วย นายกบ นายกาย และนายโจ เดินทางมาที่คอนโดมิเนียม ย่านสาทร ที่พักอาศัยของ นายหวัง แล้วใช้คีย์การ์ดที่ น.ส.น้ำเพชร มอบไว้ให้ ขึ้นไปที่ห้องพักเพื่อล็อกตัวนายหวัง จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง
จากนั้น กลุ่มคนร้ายทั้ง 3 ใช้โทรศัพท์ของนายหวังคุยกับ รปภ. ข้างล่าง ขอยืมรถเข็นนำมาใช้เคลื่อนย้าย นายหวัง ซึ่งถูกยัดใส่ลงไปในลังพลาสติกขนาดใหญ่ แล้วลากไปที่รถ แบกขึ้นบรรทุกเข้าไปในรถแล้วขับออกไปขังนายหวัง ไว้ที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลา 1 คืน
เมื่อถึงที่บ้านพักได้ข่มขู่และซ้อมทำร้ายร่างกาย นายหวัง ก่อนจะวีดีโอคอลไปหาเพื่อนของผู้เสียหาย คือ นายยู เพื่อข่มขู่ไม่ให้แจ้งความกับตำรวจ จากนั้นบังคับให้นายหวังโอนเงินเข้าบีญชี นายกบ จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกจำนวน 2 ล้านบาท ครั้งที่สองโอนเพิ่มอีก 9 แสนบาท และโอนครั้งที่ 3 เป็นบัญชีของ น.ส.ตา จำนวน 1.03 ล้านบาท รวมเป็น 3.93 ล้านบาท ซึ่งตำรวจสามารถอายัดเงินได้จำนวน 2.3 ล้านบาท
เมื่อผู้ก่อเหตุได้เงินตามที่ต้องการแล้ว ทำทีจะมาปล่อยตัวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตำรวจได้ติดตามกระทั่งพบตัว จึงเข้าช่วยเหลือและเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวไทย 1 ราย คือนายกบ ต่อมา ได้รับอนุมัติออกหมายจับผู้ก่อเหตุ 4 หมาย ประกอบด้วย นายกาย นายโจ นายจูน และ น.ส.ตา ผู้รับโอนเงิน
ต่อมา ตำรวจสามารถจับกุมได้เพิ่มอีก 1 ราย คืน นายจูน ส่วน น.ส.น้ำเพชร ซึ่งเป็นแฟนสาว ตรวจสอบประวัติเคยเป็นอดีตผู้สมัครนางงามเวทีชื่อดัง อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ หลังสอบสวนพบว่าเป็นผู้ให้ข้อมูล และร่วมวางแผนการลักพาตัว เรียกค่าไถ่ในครั้งนี้ นอกจากนี้ จากการสอบสวนยังพบว่า น.ส.น้ำเพชร คบหาดูใจกับ นายกาย 1 ในผู้ต้องหา(หัวหน้า)
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าลิฟบริเวณชั้น 17 พบว่า ในวันเกิดเหตุ นายกบ ลักษณะสวมใส่เสื้อยืดสีขาว-ดำ สวมหมวกแก๊ป และนายโจ หนุ่มผมยาว ได้เข็นกล่องพลาสติกขนาดใหญ่เข้าไปภายในลิฟท์ โดยขณะที่เข้าลิฟท์ฝากล้องมีการเผยอขึ้น ทำให้นายกบต้องใช้มือกดปิดฝาพลาสติดเอาไว้ ก่อนที่จะขึ้นลิฟท์ และกดไปชั้นล่าง ซึ่งเป็นลานจอดรถ ก่อนจะช่วยกันยกกล้องขึ้นท้ายรถเบนซ์อีกคันที้ขับมาจอดรอไว้ และเดินทางไปหัวหิน นำตัวไปกักขังที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง โดยมี นายกาย เป็นคนขับรถ และ นายจูน ผู้ต้องหาอีกรายได้ขับรถตามมาสมทบที่รีสอร์ทดังกล่าว
หลังประชุมคดี ตำรวจควบคุมตัวนายกบ ออกจากห้องขัง สน.ลุมพินี นำไปชี้รถที่ใช้ก่อเหตุและจำลองเหตุการณ์ ซึ่ง นายกบ ให้การรับสารภาพว่า ถูกว่าจ้างมาจาก นายกาย แต่ปฏิเสธไม่ขอตอบคำถามว่าได้รับค่าจ้างในการร่วมลงมือก่อเหตุครั้งนี้เท่าไร และทำไมถึงตัดสินใจร่วมก่อเหตุ
ส่วนวิธีการอุ้มรีดผู้เสียหาย ได้ร่วมกับนายโจ จับผู้เสียหายลงไปนอนในลังพลาสติก ที่นายกบซื้อมา ในลักษณะนอนตะแคง งอขา มัดเท้าและมัดมือไว้ด้านหลัง แล้วปิดฝากล่อง เพื่อนำใส่รถเข็นลงมาที่ลานจอดรถ ซึ่งขณะที่พาผู้เสียหายเดินทางไปยังหัวหิน ได้เปิดฝากล่อง เพื่อให้ผู้เสียหายใจได้ และแก้มันเชือกออก ถึงแม้ว่าจะมีอาการขัดขืนบ้างแต่ผู้เสียหายก็ยอมไปด้วย ตลอดเวลาที่เดินทางผู้เสียหายยังมีสติรู้ตัวตลอดเวลา หลังไปอยู่ที่รีสอร์ท ไม่ได้มีการทำร้ยร่างกายอีก
ส่วนผู้เสียหาย ชาวจีน หลังถูกช่วยเหลือจากการตรวจสอบประวัติจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ประสานไปยังทางการจีน ซึ่งก็พบว่า ผู้เสียหายรายนี้เป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง มูลค่า 12 ล้านหยวน หรือราว 60 ล้านบาทไทย ซึ่งทางการจีนได้ออกหมายจับไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นหมายแดงในอินเตอร์โพล ทำให้เดินทางเข้าประเทศได้โดยที่ไม่มีประวัติหมายจับดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้กักตัวไว้ที่ ตม. เตรียมผลักดันออกนอกประเทศต่อไป