'ผอ.กอล์ฟ' ลุ้น ศาลฎีกา นัดชี้ชะตา ประหารชีวิต คดี กราดยิง ชิงทอง ปี 2563 วันนี้
ศาล นัดอ่านคำพิพากษา ศาลฎีกา ชี้ชะตา 'ผอ.กอล์ฟ' อดีต ผอ.โรงเรียน ก่อเหตุ กราดยิง ชิงทอง ภายในห้างดัง กลางเมืองลพบุรี เมื่อปี 2563 ซึ่ง ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนประหารชีวิต
(26 เม.ย. 2566) ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อ.300/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 และบริษัท ออโรร่า ดีไซน์ และผู้เสียหายอีก 10 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ “ผอ.กอล์ฟ” อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี กรณีก่อเหตุใช้อาวุธปืนฆ่าชิงทรัพย์ ร้านทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี เมื่อปี 2563
คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2564 ว่า จำเลยมีความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (6) ประกอบมาตรา 60, 289 (6) ประกอบมาตรา 80, 289 (7), 339 วรรคสอง วรรคสี่ และวรรคท้ายประกอบมาตรา 340 ตรี, 371, 376, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ดังนี้
- ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 8 เดือน
- ฐานมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือน
- ฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก 3 ปี
- ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพิ่มความสะดวกในการจะกระทำผิดให้ประหารชีวิต
- ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต
- ฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีและใช้อาวุธปืนและโดยใช้ยานพาหนะ ให้ประหารชีวิต
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลย สถานเดียว ปรับ 1,000 บาท ริบของกลาง อาวุธปืนและเครื่องกระสุน หมวกโม่งคลุมศีรษะสีดำ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า เสื้อยืด โทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ใช้กระทำผิด รวมทั้ง ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บรรดาโจทก์ร่วม ที่ 1 จำนวน 1.8 แสนบาท, ที่ 2 จำนวน 9.9 หมื่นบาท, ที่ 3 จำนวน 1.3 แสนบาท, ที่ 4 จำนวน 2.2 ล้านบาท, ที่ 5 จำนวน 7.5 แสนบาท ที่ 6, 7 และ 8 จำนวน 2.25 ล้านบาท, ที่ 9 และ 10 จำนวน 7.5 แสนบาท จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษ
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วว่า มีเหตุสมควรลดโทษ ให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หรือไม่ เห็นว่าโจทก์และโจทก์ร่วม มีพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานแวดล้อม กรณีมาสืบให้รับฟังได้อย่างมั่นคงว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสามและผู้เสียหาย และชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำของโจทก์ร่วมแล้วหลบหนีไป โดยจำเลยมิได้ลุแก่โทษเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและสารภาพความผิด
แต่ได้ความว่า เจ้าพนักงานตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวง เพื่อขอออกหมายจับจำเลย ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมา ก็เพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้แล้ว ฉะนั้น การที่จำเลยรับสารภาพเป็นเพราะเกิดจากจำนนต่อหลักฐาน การที่จำเลยชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และฆ่าผู้อื่น เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่น ที่ตนได้กระทำไว้ ลักษณะของการกระทำความผิดจึงเป็นไปโดยอุกอาจ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมทารุณ ไร้มนุษยธรรม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง
ถึงแม้จำเลยชดใช้ความเสียหายเพื่อบรรเทาผลร้ายสำนึกผิด หรือมีคุณความดีดังที่อุทธรณ์ ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะสมควรใช้ดุลยพินิจลดโทษให้แก่จำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลย โดยไม่ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น ย่อมเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยจำเลยยื่นฎีกา ขอให้ศาลลดโทษด้วย
เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2563 โดย นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ “ผอ.กอล์ฟ” ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ ชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี พร้อมกราดยิงประชาชนและพนักงานในร้าน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน โดย 1 ในนั้นมีเด็กอายุ 2 ขวบ รวมอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน ได้ทองคำรูปพรรณ น้ำหนักประมาณ 28 บาท (32เส้น) มูลค่าราว 6 แสนบาท ก่อนจะหลบหนีไปอย่างลอยนวล
ต่อมาวันที่ 21 ม.ค. 2563 ศาลได้อนุมัติหมายจับ ก่อนที่ตำรวจจะรวบตัวเขาได้ในวันรุ่งขึ้น เมื่อเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามชั้นต้นให้ประหารชีวิต และ วันนี้ ศาลฎีกา นัดฟังพิพากษา ซึ่งต้องมาลุ้นกันว่า จะพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์หรือไม่