ตำรวจลุยค้นสำนักร่างทรง หาหลักฐานเพิ่มเติม คดี แอม วางยา
ตำรวจ บุกค้นสำนักร่างทรง ที่ สมุทรสาคร หาหลักฐานเพิ่มเติม หลังเป็นสถานที่ แอม พาเหยื่อมาก่อนเสียชีวิต ด้าน ลูกสาวเหยื่อ เข้าพบ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เชื่อแม่ถูกฆ่า
ความคืบหน้ากรณีการเข้าจับนางสรารัตน์ หรือ 'แอม' ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" ภายหลังที่โดนจับกุมพร้อมของกลาง ขวดไซยาไนด์ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่เชื่อว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย อายุ 32 ปี เท้าแชร์ชาว จ.กาญจนบุรี ที่เป็นลมวูบเสียชีวิตเป็นปริศนาขณะเดินทางไปทำบุญปล่อยปลานั้น
ล่าสุด ตำรวจเข้าค้น สำนักร่างทรง มหาชัย สมุทรสาคร ที่เหยื่อ นส .เเอม เข้าพบ 3 ราย หลังออกจากสำนักร่างทรงแห่งนี้เเล้วเสียชีวิต หนึ่งในนั้นคือ นางรจลิน นิลห้อย หรือเจ๊น้อย เเม่ค้าขายผัก ในตลาดมหาชัย ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2565 เเละ เหยื่ออีกราย คือ ครูอ๊อด ครูพละสาว ชาวนครปฐม ที่ น.ส.แอม พามาพบร่างทรงเช่นกัน
จากการเข้าขอตรวจค้น ปรากกฏว่า เจ้าสำนักร่างทรง ไม่อยู่ในอาศรม ตั้งเเต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเพื่อบ้านให้ข้อมูลว่า เจ้าสำนักฤาษี ไปงานพิธี ล้างป่าช้า เก็บกระดูกศพไม่มีญาติ
ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภูธรภาค 7 ซึ่งทาง พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้เรียกประชุมเพื่อคลี่คลายคดีมีผู้เสียชีวิตจำนวน 9 ราย จาก 10 ราย ที่มีความเกี่ยวข้องกับ น.ส.แอม ซึ่งการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดและไม่เปิดสื่อมวลชนเข้าไปรับฟังข้อมูล ทั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิวิน วิน นำตัว น.ส.มด (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ลูกสาวของนางรจลิน มาพบกับ พล.ต.ท.ธนายุตม์ เนื่องจากต้องการร้องเรียนถึงการตายของนางรจลิน ซึ่งเสียชีวิตลักษณะเดียวกันกับเหยื่อทั้ง 9 ราย
น.ส.มด บอกว่า วันเกิดเหตุตนเองอยู่กับแม่ ก็ยังปกติดี แต่พอกลับจากทำผมมีลูกน้องขึ้นมาบอกว่า แม่เป็นลม แต่พอลงมาดูเห็นแม่ชัก มีอาการมึนงง อาเจียน น้ำลายฟูมปาก จึงแจ้งกู้ภัย ซึ่งได้นำส่งโรงพยาบาลไปที่ห้องอายุรกรรม ยังไม่ทันได้ซักประวัติแม่ก็หัวใจหยุดเต้น หมอช่วยชีวิตแต่ไม่ทัน แม่เสียชีวิตในเวลาไม่นาน ลักษณะน้ำลายฟูมปาก ตัวเย็น เล็บดำ โดยใบชันสูตรระบุว่าเลือดเป็นกรด
ทั้งนี้ น.ส.แอม ไม่เคยรู้จักกับที่บ้านมาก่อน ทราบว่าติดต่อกันทางเฟซบุ๊ก ซึ่งนางรจลินจะคุยกับเขาช่วงกลางคืน โดยจะคุยเรื่องเงินกับการจำนองรถ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่นาน นางรจลิน โอนเงินไปให้น.ส.แอม 60,000 บาท โดยเป็นเงินตนเอง 20,000 บาท ตนเองถามแม่ว่าโอนไปทำไม แม่บอกแค่ น.ส.แอมยืมเท่านั้น ซึ่งแม่มาตายก่อนวันคืนเงินเพียง 1 วัน
ทั้งนี้ น.ส.มด ยังตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงที่แม่กลับจากทำผม และมีอาการน็อคไป ตนเองเก็บมือถือของแม่ไว้ มีสาย นางสาว อ.โทรมาหา กำลังจะคุยอาการกันแต่เจ้าหน้าที่มาเรียกไปสอบถามข้อมูลจึงวางสาย จากนั้นก็หายตัวไป งานศพก็ไม่มา แต่เคยทวงเงินไป น.ส.แอม บอกว่าแม่ยืมไป ก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ
ตนเองอยากจะบอกว่าน.ส.แอม ไม่ได้ฆ่าแม่ตนเองเพียงคนเดียว แต่ฆ่าหลายคน และเชื่อว่าน.ส.แอม น่าจะมีส่วนกับการตายของแม่ อยากจะบอกว่าน.ส.แอมได้ทำลายชีวิตตนเอง แม้พ่อแม่จะหย่ากัน ตนเองก็มีแม่มา 17 ปี มีอะไรจะสอบถามแม่ทุกเรื่อง ตอนนี้สับสนไปไม่ถูก อยากให้ตำรวจสืบสวนเอาน.ส.แอมให้จนต่อหลักฐานและดำเนินคดีถึงที่สุด
ด้าน นายสงกรานต์ อดีตสามีของ นางรจลิน บอกว่า แม้ตนเองจะเลิกลากับผู้ตายไปแล้ว แต่ก็ทราบว่ามีการติดต่อกับ น.ส.แอม ได้เตือนไปว่าจะคบหาทำไม ไว้ใจได้หรือไม่ ซึ่งไม่ทราบว่าเขาไปคบหากันอย่างไร แต่ในวันที่เสียชีวิต นางรจลินไปข้างนอกและถือถุงที่คาดว่าจะเป็นสลัดเดินกลับเข้ามา น่าจะรับประทานเข้าไป โดยลูกน้องซึ่งเป็นผู้ชายชาวพม่าได้เข้าไปช่วยพยุง พบว่าอาเจียน มีน้ำลายฟูมปาก แต่ยังไม่เสียชีวิต และได้รีบแจ้งกู้ชีพให้มารับตัวไป ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งลูกจ้างบอกว่าไม่เคยเห็น น.ส.แอม มาก่อน เพิ่งเห็นไม่นานก่อนจะมีเรื่อง
ขณะที่ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เผยว่า เบื้องต้นมีเหตุเกิดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 โดยญาติคาใจการเสียชีวิตในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งทางตำรวจได้ตั้งคณะทำงานทันที ได้รายงานท่าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ทราบแล้ว โดยมีผู้เสียชีวิต 9 ราย จาก 10 ราย วันนี้มีญาติของผู้เสียชีวิตรายที่ 11 มาขอพบเพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบด้วย เป็นเคสใหม่สำหรับวันนี้
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า วันนี้เชิญนายตำรวจในสังกัดตั้งเป็นคณะทำงาน และเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนที่ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อที่ติดตามคดีต่างๆ แม้จะมีการเสียชีวิตที่น่าสงสัยแต่ญาติไม่ติดใจก็จะรื้อมาด้วย เพราะญาติอาจไม่รู้ว่าเขาตายจากอะไรกันแน่ เรามีข้อมูลย้อนหลังไว้หมด ซึ่งหากมีการแจ้งมาอีกก็จะส่งทีมงานไปพบทันที ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าตำรวจจะทำงานตรงไปตรงมาแน่นอน ไม่อุ้มหรือช่วยใคร ส่วนอดีตสามีของ นางสาว อ. ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับรองผู้กำกับการ แม้จะหย่ากันแล้ว ก็ต้องสอบและสั่งย้ายอออกนอกพื้นที่ไป ทั้งนี้ยังมีหลายประเด็นที่ประชาชนสงสัย คือในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีที่เชื่อมโยงกัน ก็จะประสานตำรวจภูธรภาค 4 มาร่วมตรวจสอบกับตำรวจสอบสวนกลางด้วย เพราะยังมีในส่วนการร้องเป็นคดีฆาตกรรมเพื่อตรวจสอบอีกทาง ซึ่งไม่ทับซ้อนกัน ก็จะทำงานควบคู่กันไป ส่วนประเด็นวงแชร์ก็จะสืบสวนว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวพัน จะเรียกมาหมด ไม่เว้นแต่สถานปฎิบัติธรรมที่มีการสงสัยว่า ผู้ที่เสียชีวิตถูกชักชวนไปทำบุญปล่อยปลาและมาเสียชีวิต ก็จะติดตามมาด้วยแน่นอน