'ครู' สุดทน แฉคลิป ป.3 ถูกเตะก้านคอ เหตุแค่ขโมยขนม
'รักษาการผอ.โรงเรียนบ้านแม่แมะ' แฉคลิป 'ครูชาย' เตะก้านคอเด็ก ป.3 เพียงสาเหตุขโมยขนม ชำแหละเพิ่มใช้งบ รร. กินเที่ยว แต่อ้างไปราชการ ยอมรับหากถูกไล่ออก ฝากความหวัง 'รัฐบาลใหม่' ยกระดับคุณภาพครูและการศึกษาของไทย
เกิดเหตุครูผู้ชายไล่เตะนักเรียนประถม จนเด็กไม่กล้าไปโรงเรียน เหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงเรียนบ้านแม่แมะ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.66 ต่อมาเฟซบุ๊กชื่อว่า Phet Phetcharat Phansujaritthai หรือ น.ส.เพชรรัตน์ พันธุ์สุจริตไทย ตำแหน่ง ครู คศ.1 รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่แมะ อันดับ2 มีการโพสต์คลิปวงจรปิดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
น.ส.เพชรรัตน์ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ว่า สาเหตุที่ตัดสินใจนำเรื่องราวดังกล่าวออกมาเปิดเผยเพราะ หมดความอดทนกับระบบราชการ โดยเฉพาะระบบอุปถัมภ์ มีปัญหาหลาย ๆ อย่าง รวมถึงความไม่เป็นธรรมต่างทางการเงินของโรงเรียน เช่น การนำเงินของโรงเรียนออกมาใช้จ่ายส่วนตัวตามที่รายละเอียดในโพสต์ แต่รับไม่ได้และเป็นเรื่องใหญ่ คือ เรื่องครูอัตราจ้างคนหนึ่ง อายุประมาณ 27 ปี เป็นครูผู้ดูแลหอพักนักเรียนลงโทษโดยการทำร้ายร่างกาย กระโดดถีบ เตะ แม้ว่าสาเหตุจะมาจากนักเรียนเข้าไปขโมยขนม ก็ไม่ควรทำร้ายขนาดนี้ โดยน้องที่ถูกเตะเป็นนักเรียนชั้น ป.3 ตัวเล็กๆ หลังจากเหตุการณ์ทำให้นักเรียนคนดังกล่าวไม่กล้ามาโรงเรียนและร้องไห้
น.ส.เพชรรัตน์ เคยสอบบรรจุได้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่อยากมาทำตามความฝันและอุดมการณ์ จึงทำเรื่องย้ายมาเป็นครูบนดอย เป็นโรงเรียนเล็กสอนระดับชั้น อนุบาล ไปจนถึง ป.6 มีนักเรียนประมาณ 100 คน ครู 9 คน นักเรียนส่วนใหญ่จะกินนอนอยู่ในโรงเรียน จะกลับบ้านก็ช่วงปิดเทอม ซึ่งมีความหวัง "รัฐบาลใหม่" จะเข้ามาแก้ปัญหา ยกระดับคุณภาพครู และการศึกษาของไทย
สำหรับการโพสต์ในเฟซบุ๊กนั้น มีใจความวว่า เกิดเหตุการณ์ครูดูแลหอพักนอนชายทำโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการทารุณกรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้าพเจ้าทราบในการกระทำครั้งนี้และมีส่วนร่วมในการปกปิดเรื่องนี้ การกระทำดังกล่าวทำให้เด็กนักเรียนต้องหลุดออกจากรระบบการศึกษาภาคบังคับไป ข้าพเจ้าเอาเรื่องนี้มาเปิดเผยและพร้อมรับโทษทัณฑ์ที่กระทำผิดในทุกเรื่องที่ออกมาพูดในครั้งนี้ เพราะหลาย ๆ เรื่องในหน่วยงานที่บีบบังคับให้ข้าพเจ้าต้องทำ เช่น เรื่องระบบอุปถัมภ์ของหน่วยงานตนเอง การเอาพวกพ้องมาทำงานโดยใช้เส้นสายไม่คำนึงถึงประโยชน์ของราชการ ระบบการคอรับชั่นที่ข้าพเจ้ารับไม่ได้
โดยเฉพาะ เรื่องที่มีกลุ่มคนอ้างว่าไปราชการแต่กลับนำเงินบริจาคของโรงเรียนไปร้านคาราโอเกะ อ้างอิงจาก1ใน3คนที่ได้หลุดพูดตอนมึนเมาว่า "เสียดายจังที่ครูไม่ได้ไปด้วย ทั้งจับ จก ล้วง" และอีก 1 คน ที่พูดว่า "จองโรงแรมไม่ได้นอนเพราะอยู่ยันตี 5" รวมถึงยังบอกเล่าถึงการเช็คบิลว่า ใช้เงินไป 15,000 บาท ซึ่งนั้นเป็นเงินนอก จากบัญชีกองทุนสนับสนุนของโรงเรียนหรือที่เรียกว่าเงินบริจาค ข้าพเจ้าจึงยิ่งรู้สึกผิดที่ผู้ใจบุญร่วมบริจาคมาเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายกับนักเรียน แต่มีกลุ่มบุคคลที่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ไปใช้จ่ายเพื่อปรนเปรอกิเลสตัณหาของตัวเอง
ข้าพเจ้าจึงขอโทษทุกท่านที่ร่วมบริจาคด้วยจิตอันเป็นกุศล ข้าพเจ้าพร้อมที่จะโดนปลดออกหรือไล่ออกจากราชการแต่จะยืนยันว่าจะไม่ลาออกเด็ดขาด (นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ข้าพเจ้าไม่รู้จะเขียนบรรยายยังไงให้พอกับความเน่าเฟะของคน และความไม่โปร่งใสนี้รวมถึงการเลือกปฏิบัติต่อลูกน้อง ข้าพเจ้ายินยอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งอนาคตหรือชีวิตเพื่อขอ ให้ระบบนี้มันไม่เน่าไปกว่านี้
ข้าพเจ้ารักในอาชีพครูแล้วก็พร้อมที่จะต้องไปเริ่มอาชีพใหม่ที่สุจริตด้วยเช่นกัน ส่วนการร้องเรียนหน่วยงานบังคับบัญชาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าจะได้รับความยุติธรรม เพราะ 1 ในบุคคลที่กระทำการดังกล่าวได้อ้างว่าตนเองมีความสนิทสนมเป็นอย่างดีโดยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน กับ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา และรู้ฉายาของกันและกันดี ข้าพเจ้าจึงหวังว่าท่านจะช่วยข้าพเจ้าในการส่งเสียงของข้าราชการครูผู้น้อยที่ไม่มีเส้นสาย ให้เสียงนี้ดังไปถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ด้วยการช่วยข้าพเจ้าแชร์ลงเฟซบุ๊กของท่าน
ธนกร วงศ์นาง