ข่าว

ชูวิทย์ แฉ ขัดแย้งส่งส่วย ชี้มีอีกผับเตรียมเปิดที่สุทธิสาร

ชูวิทย์ แฉ ขัดแย้งส่งส่วย ชี้มีอีกผับเตรียมเปิดที่สุทธิสาร

02 มิ.ย. 2566

ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ แฉยับ ผับจีนเทากลางกรุง ขัดแย้งส่งส่วย ก่อนถูกจับกุม ชี้ มีอีกผับเตรียมผุดย่านสุทธิสารสัปดาห์นี้


นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้เปิดเผยถึงกรณีที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ( ดส.)เข้าจับสถานบันเทิง ไดม่อน เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นของคนจีนที่ลักลอบเปิดย่านถนนเพชรบุรี พร้อมกับพบนักท่องเที่ยวชาวจีนและยาเสพติดอีกจำนวนมาก โดยก่อนที่จะแถลงได้นำโคมไฟสีแดง หรือ “เต็งลั้ง” 1 คู่ เข้ามาด้วย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคนจีนที่นิยมติดไว้หน้าห้างร้าน

ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์

นายชูวิทย์ กล่าวกับสื่อมวลชนที่มาร่วมฟังการแถลงข่าวครั้งนี้ว่า  สถานบันเทิงแห่งนี้ต้องมีการจ่ายส่วยให้กับตำรวจเพื่อเปิดให้บริการ เนื่องจากที่นี้เป็นสถานบริการอาบ อบ นวดเก่า และเปิดริมถนนเพชรบุรี ถือว่าเป็นสถานที่โจ่งแจ้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ ส่วนเจ้าของสถานบันเทิงนี้คือ “อาจ๋าย” ที่ได้ติดต่อผ่าน “ชายเล็ก” คนนี้เป็นที่รู้จักของตำรวจสน.มักกะสัน เป็นอย่างดี และในพื้นที่อื่นๆ เนื่องจาก “ชายเล็ก” เป็นนายหน้าจัดหาหญิงบริการมาให้กับสถานบริการหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร

และเป็นคนชักชวนให้ “อาจ๋าย” เข้ามาลงทุนเปิดสถานบันเทิง ส่วนพนักงานภายในร้านก็จะใช้ผู้หญิงชาวจีน และประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงาน นอกจากนั้นยังพบว่ามี “บังมัด” ผู้กว้างขวางในย่านคลองตัน เป็นคนออกหน้าเพื่อเคลียร์กับตำรวจในพื้นที่คือ “รอง ห.” ซึ่งเป็นตำรวจตำแหน่งรองผู้กำกับการในพื้นที่

ชูวิทย์ แฉ ขัดแย้งส่งส่วย ชี้มีอีกผับเตรียมเปิดที่สุทธิสาร

สำหรับการเข้าจับสถานบันเทิง “ไดม่อน” ครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นความขัดแย้งของหน่วยงานรัฐกับรัฐ หรือเป็นระหว่างหน่วยงานรัฐกับเจ้าของสถานบันเทิง โดยมี “รอง ห.” เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่จะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งกับตำรวจดส.หรือไม่ ยังบอกไม่ได้ แต่ก็เห็นว่า ตำรวจดส. ทำหน้าที่คล้ายพ่อบ้านให้กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล

ส่วนสถานบันเทิง “ไดม่อน” พบว่ารูปแบบการประกอบกิจการเป็นรูปแบบเดียวกับ “จินหลิงผับ” ซึ่งมีเครือข่ายคนจีนเทากว่า 10 คน มาร่วมลงทุนให้ “อาจ๋าย” ในวงเงินรวมประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งมีทุนน้อยกว่า “ตู้ห่าว” 

นายชูวิทย์ ยังระบุว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังเปิดโอกาสให้กลุ่มจีนเทาเข้ามาในไทยมากขึ้น ทำให้คนจีนมาทำธุรกิจสีเทาในกรุงเทพมหานคร และพัทยา จังหวัดชลบุรีมากขึ้น และประเทศไทยกำลังจะเป็นศูนย์กลางของคนจีนหมายจับแดง เพราะเข้ามาในไทยได้ง่ายด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และวีซ่าพิเศษ ที่มีคนจีนใช้เข้าออกประเทศปีละ 5 แสนคน ส่วนในประเทศไทย ขณะนี้มีคนจีนมาอยู่แล้วกว่า 3 ล้านคน โดยที่ไม่มีระบบตรวจสอบหมายจับของจีน ทำให้คนจีนเลือกมาอยู่ประเทศไทยจำนวนมาก

ส่วนภายในสัปดาห์นี้นายชูวิทย์ ยังได้ข้อมูลมาอีกว่า กำลังจะมีการเปิดสถานบันเทิงของทุนจีนสีเทาในพื้นที่สน.สุทธิสารขึ้นอีก ซึ่งเป็นอดีตสถานบริการที่เคยปิดตัวไป

ชูวิทย์ แฉ ขัดแย้งส่งส่วย ชี้มีอีกผับเตรียมเปิดที่สุทธิสาร

 ขณะนี้กำลังปรับปรุงและตกแต่งให้คล้ายกับสถานบันเทิงที่ถูกจับได้ ซึ่งตามกำหนดแล้วจะเปิดวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา และยังอยู่ระหว่างจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน มีตั้งแต่ระดับสถานีตำรวจท้องที่ กองบังคับการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมทั้งหน่วยงานกลาง ทั้งกองปราบปราม ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจ ดส. และ 191