รวบคาชุดแม่ชี ก.ก.บริษัทดัง 'หลอกลงทุน Cloud Storage' เสียหายกว่าพันล้าน
ตำรวจบุกสถานปฏิบัติธรรม อ.ปากช่อง รวบแม่ชี อดีตกรรมการบริษัทดัง "หลอกลงทุนCloud Storage" หลังถูกหมายจับคดีฉ้อโกง ผู้เสียหายกว่า 3 พันราย มูลค่าเสียหายว่า 1,300 ล้านบาท เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างหลังเกษียณ ลูกชายขอชื่อไปเป็นกรรมการบริษัท แต่ไม่รู้ทำกิจการอะไร
ตำรวจชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ร่วมกับ ชุด PCT 5 ซึ่งได้รับการร้องเรียนผู้เสียหายที่ถูก ถูกบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเช่าพื้นที่เก็บข้อมูลอิเลคทรอนิกส์ หรือ Cloud Storage หลอกลวงชักชวนให้เข้าร่วมการลงทุน ต่อมาบริษัทฯ ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ร่วมลงทุนได้ เป็นเหตุได้รับความเสียหาย จึงได้รวมตัวกันแจ้งความกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษไว้ 3,531 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,303,127,202.99 ล้านบาท
ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 เข้าจับกุม นางพัฒนา (สงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง ที่ 79/2565 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2565 โดยจับกุมได้ที่ สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ใน อ.ปากช่อง จ. จ.นครราชสีมา
การเข้าจับกุมสืบเนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายซึ่งถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนในการให้บริการเช่าพื้นที่บน Cloud Storage โดยเสนอผลตอบแทนให้แก่ผู้ร่วมลงทุนในอัตราสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน คล้ายลักษณะแชร์ลูกโซ่ ทำให้มีผู้หลงเชื่อนำเงินเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
ต่อมาบริษัทไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนได้ ทำให้มีผู้ได้รับความเสียหาย และแจ้งความกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จำนวนกว่า 3 พันราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,303,127,202.99 ล้านบาท ในส่วนของคดีทางดีเอสไอได้จับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว 1 ราย คือ นายศุภสรร (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัทดังกล่าว และประสาน ปปง.ติดตามทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพื่อเป็นการเยียวยาให้กับผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง
ต่อมามีการสืบสวนขยายผลจนพบว่ามีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและหลบหนี โดยพบว่ามีหมายจับของ สภ.แม่ทะ จ.ลำปาง ในความผิดเดียวกัน ซึ่งดีเอสไอ อยู่ระหว่างพิจารณาเสนอต่อศาลเพื่ออนุมัติออกหมายจับ คือ นางพัฒนา มารดาของนายศุภสรร โดยหลบหนีไปตั้งแต่ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565
กระทั่งตำรวจได้ทำการสืบสวนแกะรอย พบว่า นางพัฒนา หลบหนีไปบวชชีอยู่ที่ สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงได้เข้าจับกุม เบื้องต้นให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นสอบสวนและชั้นการพิจารณาคดีของศาล โดยอ้างว่าเดิมตนเป็นอาจารย์สอนระดับมัธยมศึกษาในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง หลังเกษียณลูกชายได้ขอชื่อไปเป็นกรรมการในบริษัท โดยที่ไม่ทราบการดำเนินกิจการของบริษัทดังกล่าวนั้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ขณะจับกุม ตำรวจพบตัวผู้ต้องหาขณะบวชชีและปฏิบัติธรรม โดยมีอดีตสามีบวชเป็นพระอยู่ในสถานปฏิบัติธรรมเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นอีกหนึ่งวิธีการให้ตัวเองรอดพ้นจากการสืบสวนจับกุมตัวตามหมายจับในคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ทะ ภ.จว.ลำปาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหา “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ”