ข่าว

งามไส้ ปปป.ซ้อนแผนรวบ 'ปลัดอำเภอกระบี่' เรียกเงินแสนแลกต่อใบอนุญาตโรงแรม

งามไส้ ปปป.ซ้อนแผนรวบ 'ปลัดอำเภอกระบี่' เรียกเงินแสนแลกต่อใบอนุญาตโรงแรม

14 มิ.ย. 2566

ปปป. จับมือ ป.ป.ท. เปิดยุทธการ Stop Cyper Corruption วางแผนรวบ "ปลัดอำเภอเมืองกระบี่" เรียกสินบน 1 แสน ค่าต่อใบอนุญาตโรงแรม พร้อมกวาดล้างการยักยอกงบ อบต.โอนเข้าบัญชีตัวเอง 7 จังหวัด เสียหายกว่า 84 ล้านบาท เผยพฤติกรรมเลี่ยงถูกตรวจสอบ ชี้ทุกรายมีเอี่ยวการพนัน

14 มิ.ย. 2566 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รักษาราชการแทน รองผู้บังคับการป้องกันปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ (รรท. รอง ผบก. ปปป.) พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แถลงผลการจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต 2 คดีสำคัญภายใต้ยุทธการ ปฏิบัติการ STOP Cyber Corruption

 

 

 

 

 

ตร.ปปป.จับมือ ป.ป.ท.รวบเจ้าหน้าที่รับทุจริต เรียกรับสินบน-งาบงบเข้ากระเป๋าตัวเอง

 

 

โดยคดีแรก จับกุม น.ส.ฐิฌาพร  (สงวนนามสกุล)  อายุ 42 ปี ปลัดอำเภอเมืองกระบี่ หลังผู้เสียหายเข้าร้องเรียน จากกรณีที่ไปยื่นขอต่อใบอนุญาตธุรกิจโรงแรม และขออนุญาตเพิ่มจำนวนห้องพัก ต่อนายอำเภอเมืองกระบี่ เมื่อเดือน ส.ค. 2565 แต่ผู้ต้องหาอยู่ในตำแหน่งรักษาราชการแทน และเป็นผู้มีอำนาจลงนามในหนังสือการขอต่อใบอนุญาต

 

ต่อมาเมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ฐิฌาพร แจ้งกับผู้เสียหายว่าการต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมจะต้องมีค่าใช้จ่าย 1 แสนบาท โดยอ้างว่าจะต้องนำเงินไปดูแลเจ้านายข้างบน ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงมาร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. ก่อนวางแผนเข้าจับกุม

 

 

ตร.ซ้อนแผนรวบ ปลัดอำเภอเมืองกระบี่ เรียกเงินสินบนค่าต่อใบอนุญาตธุรกิจโรงแรม

 

 

จากการสอบสวน พบว่า น.ส.ฐิฌาพร เคยถูกร้องเรียนการเรียกรับผลประโยชน์มาแล้วหลายครั้ง ครั้งละหลักหมื่นถึงแสนบาท และกำลังจะมีคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่น แต่ครั้งนี้ได้เรียกรับเป็นครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ยังพบประวัติการเล่นพนันออนไลน์อีกด้วย

 

พ.ต.อ.ประสงค์ ระบุว่าการต่อใบอนุญาตตามระเบียบแล้ว จะเสียค่าธรรมเนียมจำนวน 20,000 บาท ซึ่งจะพิจารณาตามขนาดของกิจการ แต่ผู้ต้องหามีความพยายามประวิงเวลา ไม่ต่อใบอนุญาตให้เพื่อจะเรียกรับเงิน

 

 

ตร.ปปป.จับมือ ป.ป.ท.รวบเจ้าหน้าที่รับทุจริต เรียกรับสินบน-งาบงบเข้ากระเป๋าตัวเอง

 

 

ส่วนอีกคดีเป็นกรณี สมาชิก อบต.ยักยอกเงินราชการ ซึ่งหลังจากได้รับแจ้งจากสำนักงาน ป.ป.ท. ว่า ตรวจพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หลายพื้นที่ โดยโอนเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง  ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชีของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. ยักยอกเงินงบประมาณของทางราชการไปใช้จ่ายส่วนตัว โดยใช้อำนาจหน้าที่ที่สามารถเข้าถึงรหัสการเบิกถอนเงินจากธนาคาร โดยมี 7 คดี ดังนี้

 

 

ตร.ปปป.จับมือ ป.ป.ท.รวบเจ้าหน้าที่รับทุจริต เรียกรับสินบน-งาบงบเข้ากระเป๋าตัวเอง

 

 

- เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชีชำนาญการ เทศบาลตำบลลาดยาว จ.นครสวรรค์ ที่ได้ยักยอกเงิน 215 ครั้ง เป็นเงินกว่า 15 ล้านบาท และ

 

- เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี อบต.วังโพรง จ.พิษณุโลก ยักยอกเงิน 132 ครั้ง เป็นเงินกว่า 44 ล้านบาท

 

- เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและฝ่ายบัญชีชำนาญการ อบต.นิลเพชร จ.นครปฐม ยักยอกเงิน 23 ครั้ง เป็นเงินกว่า 8 ล้าน 3 แสนบาท 

 

- ผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี อบต.หนองหัวโพ จ.สระบุรี ยักยอกเงิน 84 ครั้ง เป็นเงินกว่า 4 ล้าน 9 แสนบาท

 

- ผู้ช่วยนักพัฒนาชุมชน ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี อบต.ห้วยยายจิ๋ว จ.ชัยภูมิ ยักยอกเงิน 60 ครั้ง เสียหายกว่า 5 ล้าน 8 แสนบาท

 

- นักวิชาการเงินและบัญชี อบต.โคกหล่าม จ.ศรีสะเกษ ยักยอกเงิน 8 ครั้ง เป็นเงินกว่า 5 แสน 4 หมื่นบาท

 

- ผู้อำนวยการกองคลัง อบต.นาเขลียง จ.นครศรีธรรมราช ยักยอกเงิน 59 ครั้ง เป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท โดยโอนเงินไปให้กับภรรยา และลูกจ้าง ซึ่งถูกดำเนินคดีในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำความผิดด้วย

 

สำหรับการตรวจจับทั้ง 7 คดี เบื้องต้นทำให้เกิดความเสียหายกว่า 84 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่า ยังมีอีกหลายแห่งที่มีการลักลอบก่อเหตุลักษณะนี้ จากนี้จะร่วมสืบสวนกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้ความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย ในฐานะเจ้าของบัญชีที่ใช้เบิกจ่ายเงินของทางราชการจนนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุได้

 

 

ตร.ปปป.จับมือ ป.ป.ท.รวบเจ้าหน้าที่รับทุจริต เรียกรับสินบน-งาบงบเข้ากระเป๋าตัวเอง

 

 

พ.ต.ท.ศิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 สำนักงาน ป.ป.ท. ระบุ สำหรับประวัติการใช้เงินของผู้ต้องหา พบว่าเกี่ยวข้องกับการเล่นพนันออนไลน์ทั้งหมด ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งบัญชีเงินเดือนก็ไม่มีความสอดคล้องกับจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี ขณะเดียวกันยังพบว่า ผู้ต้องหาที่ได้รหัสผ่านบัญชี จะปิดการแจ้งเตือนการตัดเงินออก ทำให้ผู้ที่ดูแลตรวจสอบในระดับที่สูงกว่าไม่ทราบได้ว่ามีเงินออกจากบัญชี 

 

“บางคน มอบรหัสผ่านให้กับคนที่ดูแลบัญชีด้วยความไว้ใจ บางคนเป็นญาติกันเอง และไม่ทำตามระบบที่วางไว้ทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก”

นายกฤษณ์ กระแสเวส รองเลขาธิการป.ป.ท. เผยการตรวจจับครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจพบความผิดปกติในระบบการเบิกจ่ายผ่านบัญชีธนาคาร และในระบบการเบิกจ่ายของ อบต.จะต้องมีอย่างน้อย 3 คน และต้องรายงานบัญชีที่โอนเงินไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ที่พบ คือ คนที่จะต้องร่วมตรวจสอบการโอนเงินก็จะมอบหมายให้เพียงคนเดียวทำธุรกรรมไปทั้งหมด