3 หนุ่ม 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์' หนีซุก ตร.ไทย ขอส่งกลับจีน หลังถูกหลอกมาทำงาน
3 ชายชาวจีน "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ถูกหลอกไปทำงานเมียนมา หลอกเหยื่อต่างชาติ แต่ได้ไม่เป็นไปตามแผน เจอส่งตัวไปกัมพูชา เพื่อหลอกคนไทยต่อ ระหว่างเดินทางออกอุบายหลบหนี ให้ตำรวจช่วย ส่งตัวกลับจีน
27 มิ.ย. 2566 ตำรวจ สน.ลำผักชี จับกุมชายชาวจีน 3 คน ประกอบด้วย นายจาง เยี่ยน ปิง อายุ 38 ปี , นายหวาง เตื่อง ปาง อายุ 44 ปี และ นายกาว เซิง อายุ 36 ปี โดยจับกุมได้ในพื้นที่ สน.ลำผักชี เขตหนองจอก วันที่ 26 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา พร้อมแจ้งข้อหา หลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2566 เวลา 22.35 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่วิทยุ สน.ลำผักชี รับแจ้งเหตุ จากพลเมืองดีว่าพบชายชาวต่างชาติจำนวน 3 คน บริเวณจุดกลับรถใต้สะพานลำต้นไทร ถนนสุวินทวงศ์ ดโดยทั้ง 3 คน พูดภาษาไทยไม่ได้ ท่าทางมีพิรุธ สื่อสารกันไม่เข้าใจ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงไปที่เกิดเหตุ พบชาย 3 คน เป็นชาวจีน เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบว่าชาย ทั้ง 3 คน ไม่มีหนังสือเดินทาง และพบโทรศัพท์มือถือจำนวน 33 เครื่อง พร้อมเสื้อผ้าสิ่งของเครื่องใช้ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงเชิญตัวทั้ง 3 คน ไปที่ สน.ลำผักชี พบพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี พร้อมเชิญล่าม แปลภาษาจีนร่วมสอบสวน
จากการสอบสวนทราบว่าชายชาวจีนทั้ง 3 คน เป็น 3 ใน 7 คน ที่ถูกชาวจีนด้วยกันหลอกมาทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเมียนมา เพื่อต้มตุ๋นเหยื่อชาวยุโรปและอเมริกา แต่ทำยอดเงินไม่เข้าเป้าในระยะเวลา 7-8 เดือน ที่ผ่านมาหลอกเหยื่อได้รายเดียว เนื่องจากตำรวจกวาดล้างอย่างหนัก ต้องอยู่อย่างลำบาก
ทั้ง 7 คน จึงถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุมตัวขึ้นรถตู้จากประเทศเมียนมา เพื่อเดินทางไปกัมพูชาเพื่อตั้งคอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋นเหยื่อคนไทย แต่เมื่อรถจอดทำธุระที่ปั๊มน้ำมันบางจากใกล้บริเวณจุดกลับรถใต้สะพานลำต้นไทร ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม.ทั้ง 3 คน ขอเข้าห้องน้ำและหลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือให้ส่งกลับประเทศจีน
พ.ต.ท.ชัยธัช เชียงทา รอง ผกก.สส.สน.ลำผักชี นำกำลังฝ่ายสืบสวนร่วมกับกองกำกับการสืบสวน บก.น.3 รวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทางที่คนร้ายใช้ ตรวจสอบยานพาหนะที่กลุ่มแก๊งชาวจีนใช้ขับมา พบว่าคำให้การของผู้ต้องหาเป็นความจริง สำหรับโทรศัพท์มือถือทั้ง 33 เครื่อง ประสาน บช.สอท. ดำเนินการตรวจสอบ ก่อนนำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป