รวบหนุ่มใหญ่หลอกขาย 'สังฆภัณฑ์' พระยังตกเป็นเหยื่อ เสียหายกว่า 10 ล้าน
สืบนครบาล- PCT 5 รวบเจ้าของร้าน "สังฆภัณฑ์" โพสต์หลอกขายสินค้าสังฆภัณฑ์ทุกชนิด ตั้งแต่ปี 2562 ทั้งพุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์ถูกโกงเสียหายกว่า 10 ล้านบาท พบอดีตเคยบวช 11 พรรษา หนีจากกำแพงเพชรซุกร้านอะไหล่ยนต์มือสอง จ.สกลนคร
21 ก.ค. 2566 ตำรวจสืบสวนนครบาล ชุดลาดตระเวนออนไลน์ ร่วมกับ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศชุด PCT 5 ตรวจสอบพบคนร้ายเปิดเพจเฟซบุ๊กโพสต์หลอกขายเครื่องสังฆภัณฑ์ทุกชนิด สร้างความเดือนร้อนให้กับพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท จึงได้สืบสวนติดตามจับกุม
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายวรากร (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 264/2566 ลงวันที่ 5 ก.ค. 2566 ในความผิดฐาน "ฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"
โดยจับกุมได้ที่บริเวณตลาดโต้รุ่ง ใกล้แยกพังโคน ถนนนิตโย ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับว่าเคยบวชเรียน 11 พรรษา ศึกษาจนจบชั้นปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง หลังสึกออกมาได้ประกอบอาชีพสำนักพิมพ์เกี่ยวกับหนังสือพระแห่งหนึ่งประมาณ 1 ปี จากนั้น ย้ายมาทำหน้างานด้านสื่อมวลชน จนปี 2561 ลาออกมาเปิดร้านสังฆภัณฑ์ อยู่ในพื้นที่หนองแขม กรุงเทพฯ
ปี 2563 เริ่มมีปัญหาขาดสภาพคล่อง และสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เริ่มไม่ส่งสินค้า ทั้งพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน เมื่อรู้ว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากจึงหลบหนีมาเช่าบ้านพัก ทำธุรกิจขายอะไหล่รถยนต์มือสองร่วมกับเพื่อน ในพื้นที่ จ.สกลนคร แต่ยังคงโพสต์หลอกขายเครื่องสังฆภัณฑ์อยู่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้ต้อหาเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2562 มูลค่าความเสียหายต่อราย หลักร้อยจนถึงหลัก 30,000 บาท มีลูกค้าหลงเชื่อสัปดาห์ละ 3-4 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10,000,000 ล้านบาท โดยเงินที่ได้มานำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่าห้องพักเพื่อหลบซ่อนตัว เล่นพนันออนไลน์ และลักลอบตระเวนเล่นไฮโลในพื้นที่ใกล้เคียง
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งเขาหลวง ภ.จว.ร้อยเอ็ด และได้ประสานแจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.และ สภ.อื่นๆ ซึ่งมีผู้เสียหายเดินทางเข้าร้องทุกข์และพนักงานสอบสวนรวมรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่ออายัดตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ นายวรากร ยังมีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี จำนวน 5 หมายจับ ประกอบด้วย
1.ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 173/2564 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฉ้อโกงประชาชน" ท้องที่ สภ.วังน้ำคู้ ภ.จว.พิษณุโลก
2. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 62/2566 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "โดยทุจริตหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" ท้องที่ สภ.นาบอน ภ.จว.นครศรีธรรมราช
3. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 103/2566 ลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ฉ้อโกง และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" ท้องที่ สน.ภาษีเจริญ
4. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 48/2566 ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลเท็จนั้นได้ และฉ้อโกงประชาชน" ท้องที่ สภ.ละแม ภ.จว.ชุมพร
5. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 264/2566 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" ท้องที่ สภ.ทุ่งเขาหลวง ภ.จว.ร้อยเอ็ด