ตร.ไซเบอร์ ค้นบ้านหรู ยึดทรัพย์ 'ราชาคริปโต' หาหลักฐานโยงแก๊งตุ๋นข้ามชาติ
ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการ "ล่าขุมทรัพย์ ราชาคริปโต EP.3" บุกค้นบ้านหรู ยึดทรัพย์กว่า 300 ล้าน หาหลักฐานโยงแก๊งจีนหลอกลงทุนข้ามชาติ พบเครื่องแบบทหารประดับเครื่องหมาย-รูปถ่าย ขณะที่เจ้าของบ้านชาวจีนเผ่นหนีออกนอกประเทศไปแล้ว จ่อออกหมายเรียกแจงทรัพย์สิน
26 ก.ค. 2566 ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. นำกำลังเข้าตรวจค้น 2 จุดในพื้นที่ กทม. ตามปฎิบัติการล่าขุมทรัพย์ราชาคริปโต Ep.3 ซึ่งเป็นการขยายผลจากปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลกราชาคริปโตฯ Ep.1 และ Ep.2
โดยจุดแรก เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านหรู ย่านพระราม 9-ศรีนครินทร์ มูลค่ากว่า 45 ล้านบาท พบเป็นบ้านเดี่ยวสูง 3 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด โดยแม่บ้านเป็นผู้นำตรวจค้น พบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องในทางคดีจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังพบชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหาร ประดับเครื่องหมายผู้กำกับสำรองตรี ระบุชื่อ สมปอง ซู และมีรูปถ่ายวันประดับเครื่องหมายผู้สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรผู้กำกับกำลังสำรอง รักษาดินแดนรุ่นที่ 34 พร้อมเกียรติบัตร ของสังกัดสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย อยู่ภายในห้องนอน และหนังสือเดินทางระบุชื่อนายซู เผิง เฟย สัญชาติจีน โดยผู้ดูแลระบุว่า นายซู เผิง เฟย หรือนายสมปอง ซู เป็นบุคคลคนเดียวกัน และเป็นเจ้าของบ้านหลัง แต่ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ดสีขาว ,รถยนต์โตโยต้า รีโว่ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ถ 4605 กทม โฉนดที่ดินอาคารชุดย่าน อโศกพระราม 9 จำนวน 8 ห้องชุด , โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ ตู้เชพ 1 ตู้ รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จึงทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ
จุดที่ 2 เป็นบ้านภายในซอยกาญจนาภิเษก 12 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. เป็นที่ตั้งของ บริษัท ซิน รุ่ย เทคโนโลยี ไม่พบผู้พักอาศัย หรือผู้ดูแล เจ้าหน้าที่ของโครงการ ระบุว่า บ้านหลังดังกล่าวมีผู้ซื้อไปจากโครงการ เมื่อประมาณเดือน พ.ย.- ธ.ค. ปี 2565 เป็นชื่อนิติบุคคล ซิน รุ่ย เทคโนโลยีแต่ยังไม่มีใครเข้ามาพัก
พล.ต.ต.อำนาจ เปิดเผยว่าปฏิบัติการตรวจค้นครั้งนี้ เป็นการขยายผลจากปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลกราชาคริปโตฯ Ep.1 และ Ep.2 ซึ่งได้เข้าตรวจค้น 6 จุด ในย่านศรีนครินทร์ และจับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวจีน และ ลาว ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน หลังก่อเหตุใช้โปรไฟล์ปลอมตีสนิท ผู้เสียหายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ก่อนชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสําหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัลหรือ สินทรัพย์ต่างๆ ในลักษณะหลอกลงทุนไฮบริดสแกรม
เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายในหลายพื้นที่ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 35 ล้านบาท และเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายซู เผิง เฟย หรือนายสมปอง ซู ซึ่งเชื่อว่าน่าจะนำเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของบริษัทซิน รุ่ย เทคโนโลยี ซึ่งจดทะเบียนวันที่ 26 ต.ค. 2565 ประเภทธุรกิจซื้อขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ และให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 49,500,000 บาท
หลังจากนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมกับออกหมายเรียกนายสมปอง ซู มาชี้แจงการได้มาซึ่งทรัพย์สิน หากไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ก็จะเข้าข่ายในส่วนของความผิดฐาน "ร่วมกันฟอกเงินหรือร่วมกันสนับสนุนฟอกเงิน" และ นำทรัพย์สินที่ไม่สามารถชี้แจงได้หรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดดำเนินการขายทอดตลาด และขยายผลหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือ พยานหลักฐานเชื่อมโยงไปในส่วนใดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป