อดีต 'พระอาจารย์คม' ขึ้นศาล ปัด ยักยอกเงิน วัดป่าธรรมคีรี กว่า 182 ล้านบาท
อดีต 'พระอาจารย์คม' กับพวกรวม 9 คน ขึ้นศาล ให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี ยักยอกเงิน 'วัดป่าธรรมคีรี' กว่า 182 ล้านบาท ศาล นัดตรวจพยานหลักฐาน 7 พ.ย. 2566
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบกลาง ศาลนัดสอบคำให้การ คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิมา เถาว์หมอ หรือ อดีต พระอาจารย์คม กับพวกรวม 9 คน เป็นจำเลยในความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย
และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอา ทรัพย์นั้นไปเสีย หรือ รับของโจร (เเต่ละรายพฤติการณ์ข้อหาต่างกัน)
กำหนดวันนัดพิจารณาวันนี้ อัยการโจทก์ จำเลยทั้ง 9 และทนายจำเลยทั้ง 9 มาศาล โดยศาลได้อ่านอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 9 ฟังจนเป็นที่เข้าใจแล้ว พร้อมสอบคำให้การจำเลยทั้ง 9 ว่าจะรับสารภาพ หรือปฎิเสธ ปรากฎว่าจำเลยทั้ง 9 ยืนยันให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี
เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตรวจพยานหลักฐานและการพิจารณาคดี ศาลเห็นสมควร มอบหมายให้เจ้าพนักงานคดีดำเนินการตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ พ.ศ.2560 ข้อ 11 ให้เจ้าพนักงานคดีได้ดำเนินการตรวจสอบและรวบรวม พยานหลักฐาน และให้คู่ความมาศาล เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ร่วมกับเจ้าพนักงานคดี ให้นัดตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าพนักงานคดีรวม 1 นัด ในวันที่ 25 ก.ย. 2566 เวลา 09.00 น.
ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกัน โดยให้เจ้าพนักงานคดีช่วยควบคุม และแนะนำให้คู่ความดำเนินคดีนี้ให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและคำสั่งศาล หากพบว่ามีข้อบกพร่องหรือขัดข้อง เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณา หรือการได้มาซึ่งพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างอิง ให้รายงานต่อศาล พร้อมด้วย แนวทางแก้ไขโดยเร็ว เพื่อให้ศาลพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควรให้คู่ความดำเนินการดังต่อไปนี้ ก่อนวันนัดตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าวไม่น้อยกว่า 7 วัน
- ยื่นคำแถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานในการไต่สวนต่อศาล รวมทั้ง ความเกี่ยวข้องกับประเด็นและความจำเป็นที่ต้องสืบพยานหลักฐานเช่นว่านั้น เพื่อพิสูจน์สนับสนุน ข้อเท็จจริงใดที่ยกขึ้นอ้างในแนวทางการไต่สวนนั้น พร้อมสำเนาแก่คู่ความอีกฝ่าย
- ยื่นบัญชีระบุพยาน พร้อมคำแถลงวิธีการได้มาซึ่งพยาน และสำเนาแก่คู่ความอีกฝ่าย
- ส่งพยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่ประสงค์อ้างอิงและยังอยู่ในความครอบครอง ของตนต่อศาลเพื่อให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตรวจสอบ กรณีพยานเอกสารให้ส่งพร้อมสำเนาในจำนวน ที่เพียงพอต่อคู่ความฝ่ายอื่น
- จัดทำสารบัญรายการพยานเอกสารหรือพยานวัตถุดังกล่าวตามข้อ 3 ตามลำดับ
- กรณีคู่ความประสงค์อ้างอิงพยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่อยู่ในความครอบครอง ของบุคคลภายนอกให้คู่ความตรวจสอบเอกสารที่มีอยู่ในสำนวนก่อน หากไม่มี ให้ขอศาลมีคำสั่งเรียก พยานหลักฐานนั้นจากผู้ครอบครอง
- ยื่นคำแถลงเสนอแนวทางไต่สวนพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบพยานว่ามีจำนวน เท่าใด แต่ละปากเบิกความเพื่อพิสูจน์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงใดโดยย่อ
กรณีที่คู่ความไม่มาในวันนัดตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าพนักงานคดี หรือไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลดังกล่าว ถือว่าคู่ความมีความพร้อมในการดำเนินกระบวนพิจารณา และไม่มีข้อขัดข้องใดๆ ศาลจะพิจารณาตรวจพยานหลักฐานไปตามรูปคดีที่ปรากฏในสำนวน และ ตามรายงานของเจ้าพนักงานคดีต่อไป
เมื่อเจ้าพนักงานคดี และคู่ความร่วมกันดำเนินการตรวจสอบและ รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นในกำหนดนัดดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้คู่ความดำเนินการดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่งและจัดทำคำแถลงยื่นต่อศาลว่ายอมรับ หรือโต้แย้งพยานหลักฐานดังกล่าว หากโต้แย้งให้แสดงเหตุแห่งการโต้แย้งโดยชัดแจ้ง มิฉะนั้นถือว่า ยอมรับพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง
- ยื่นคำแถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานในประเด็นที่ยังโต้แย้งกัน ทั้งพยาน วัตถุ พยานเอกสาร พยานบุคคลและหลักฐานอื่นที่คู่ความชี้ช่องประสงค์ให้ศาลกำหนดให้นำเข้าไต่สวน
โดยให้คู่ความจัดทำคำแถลงดังกล่าวข้างต้น ยื่นต่อศาลก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อให้เจ้าพนักงานคดีตรวจสำนวน จัดทำสรุปย่อการกระทำความผิดของจำเลย ทั้ง 9 ตามฟ้อง สรุปรายงานการพยานหลักฐานต่างๆ ของคู่ความ โดยระบุพยานหลักฐานที่คู่ความไม่โต้แย้งกัน เพื่อความสะดวกในการที่ศาลจะสอบถามคู่ความ และให้คู่ความรับข้อเท็จจริงหรือ พยานหลักฐานนั้ นโดยไม่ต้องสืบพยาน สรุปประเด็นแห่งคดีที่คู่ความโต้แย้งกัน จำนวนพยานบุคคล และความเกี่ยวข้องกับประเด็น ความจำเป็นที่ต้องสืบพยานดังกล่าว และวิธีการได้มาซึ่งพยานหลักฐาน รวมทั้งจัดเรียงลำดับพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบก่อนหลังตามความประสงค์ของคู่ความ รายงานเสนอ ศาลก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 7 พ.ย. 2566 เวลา 09.30 น.ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกัน หมายเบิกจําเลยที่ 1-4 ที่ 6 และที่ 8 มาในวันนัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 9 (ไม่ได้เรียงตามลำดับ) ประกอบด้วย
- นายคม หรือ อดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี
- นายวุฒิมา หรือพระหมอ อายุ 38 ปี
- น.ส.จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี
- นายบุญส่ง หรืออดีตพระมหาบุญส่ง ผ่านภูวงษ์ อายุ 34 ปี
- นายบุณยศักดิ์ หรือ ไอซ์ ภัทรโกศล
- นายบุญเหลือ หรือ พระบุญเหลือ โพธิ์ทอง อายุ 37 ปี
- นายธนกฤต หรือ อดีตพระธนกฤต ยศสุรินทร์ อายุ 34 ปี
- นายบัณดิษฐ์ หรือ อดีตพระบัณดิษฐ์ ย่อยชา อายุ 38ปี
- นายณัฐพัชร์ หรือ อดีตพระณัฐพัชร์ หรือเบนซ์ ตั้งใจสนอง อายุ 35 ปี
โดยพวกจำเลยได้ร่วมกันเบียดบังเอาเงินของวัดป่าธรรมคีรีไปเป็นของ ตนเอง หรือของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้วัดป่าธรรมคีรี ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 182,776,733 บาท