ข่าว

เปิดธุรกิจ 'ทุนจีนสีเทา' ระวังคนไทยเป็น 'นอมินี' เสี่ยงติดคุก

เปิดธุรกิจ 'ทุนจีนสีเทา' ระวังคนไทยเป็น 'นอมินี' เสี่ยงติดคุก

16 ส.ค. 2566

เปิดธุรกิจ 'ทุนจีนสีเทา' แห่ลงทุนธุรกิจท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม-รีสอร์ต ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ใช้คนไทยเป็น 'นอมินี' จับจองพื้นที่หัวเมืองใหญ่ เตือน 'นอมินี' เสี่ยงติดคุก

 

16 ส.ค. 2566 ประเทศไทยถือเป็นอีกเมืองที่ชาวจีน นิยมเข้ามาท่องเที่ยว รวมถึงเข้ามาทำธุรกิจ ทั้้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย จนมีการจับชาวจีน ที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย มาแล้วหลายราย ทั้งบ่อนการพนัน สถานบันเทิง ฟอกเงิน เรียกค่าไถ่ เรียกว่า "ทุนจีนสีเทา"

 

อย่างคดี "ตู้ห่าว" นักธุรกิจชาวจีน สัญชาติไทย ที่มีความเชื่อมโยงกับ "ผับจิ้นหลิง" ซึ่งเป็นผับลับของนักท่องเที่ยวจีน ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตยานนาวา เมื่อตำรวจนครบาล เข้าตรวจค้นพบชาวจีนจำนวนมาก รวมทั้งมีการมั่วสุมเสพยาเสพติด

 

ตำรวจมีการตรวจสอบขยายผลจนนำไปสู่นายง "ทุนจีนสีเทา" คือ "ตู้ห่าว" รวมถึง "นอมินี" ที่เป็นคนไทย และขยายผลยึดทรัพย์ไปกว่า 9 พันล้านบาท

 

 

 

ครั้งนั้นเป็นที่พูดถึงอีกครั้งเรื่องของ "ทุนจีนสีเทา" โดยใช้คนไทยเป็น "นอมินี"ในการทำธุรกิจในประเทศไทย

 

 

 

สำหรับวิธีการเข้ามาทำธุรกิจในไทยของ "ทุนจีนสีเทา" คือ

1. ผู้หญิงชาวจีน เข้ามาจดทะเบียนสมรสกับชายไทย เพื่อรอขอสัญชาติไทย จากนั้นจดทะเบียนหย่า แล้วมีบุตรในไทยโดยให้สามีคนไทยรับรองบัตร แต่จริง ๆ แล้วบุตรเป็นของสามีชาวจีน ซึ่งทำให้บุตรได้สัญชาติไทย จากนั้นก็มาเป็นนอมินีแทนคนจีน ถืออสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ต่าง ๆ ในไทย

 

 

 

2. มาในรูปแบบวีซ่านักท่องเที่ยวก่อน จากนั้นเปลี่ยนเป็นวีซ่าสำหรับนักศึกษา หรือผู้ที่มีทำงานอาสาในไทย เพื่อให้สามารถพำนักอยู่ในไทยได้ แต่จริง ๆ แล้วมาเพื่อปักหลักทำธุรกิจ โดยมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐของไทยให้การช่วยเหลือในการออกวีซ่าโดยมิชอบ 

 

 

 

ส่วนธุรกิจที่ "ทุนจีนสีเทา" นิยมเข้ามาทำในไทยมีดังนี้ 

1. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะเข้ามากว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อปล่อยเช่าหรือขายให้คนจีนที่ต้องการมาปักหลักอยู่ในไทย
2. สถาบันสอนภาษา จะมาปักหลักเปิดโรงเรียนสอนภาษาเป็นธุรกิจบังหน้า แต่ลับหลังคืออำนวยความสะดวกออกวีซ่าผิดกฎหมายให้คนจีนที่ต้องการมาทำธุรกิจในไทย
3. ธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า จะกว้านซื้อโรงงานผลิตสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มงานฝีมือ แล้วจ้างคนไทยผลิตสินค้า เพื่อติดป้าย made in thailand แล้วส่งออกไปต่างประเทศ
4. ธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ จะร่วมมือกับนอมินีชาวไทย เพื่อนำทัวร์ศูนย์เหรียญ ขายทัวร์ไทยราคาถูกให้คนจีน จากนั้นพาคนจีนไปแวะตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือซื้อสินค้าต่างๆ ในไทย ที่มีคนจีนเป็นเจ้าของอยู่เบื้องหลัง
5. ธุรกิจโรงแรม จะเข้ามาซื้อหรือเช่าเหมาโรงแรมในไทย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน โดยอาจจะทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมายในโรงแรมด้วย

 

 


6. ธุรกิจร้านอาหาร จะเข้ามาเปิดร้านอาหารในไทย โดยใช้คนไทยเป็นนอมินี เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน
7. ธุรกิจล้งรับซื้อผลไม้ส่งออก จะมาทำหน้าที่พ่อค้าคนกลาง รับซื้อผลไม้จากชาวสวนไทย กดราคาถูก ๆ แล้วส่งออกไปต่างประเทศ
8. ธุรกิจนวด สปา จะมาใช้นอมินีในไทยเปิดธุรกิจนวด สปา รองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาไทย
9. ธุรกิจรถเช่า จะเข้ามาใช้นอมินีในไทยทำธุรกิจรถเช่าให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีน
10. ธุรกิจไนท์คลับ จะร่วมมือกับนอมินีในไทย ทำธุรกิจไนท์คลับที่มีการขายยาเสพติดในสถานประกอบการ

 

 


11. ธุรกิจพนันออนไลน์ จะเข้ามาแฝงตัวทำธุรกิจพนันออนไลน์ในไทย
12. ธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ จะทำธุรกิจผิดกฎหมายหลอกลวงผู้คนทางโทรศัพท์
13. ลักพาตัว เรียกค่าไถ่คนจีนด้วยกัน จะเข้ามาเพื่อลักพาตัวคนจีนที่มาไทย เพื่อเรียกค่าไถ่     

 

 

 

สำหรับธุรกิจ"ทุนจีนสีเทา" ส่วนใหญ่ก็จะเป็นย่านที่มีคนจีนอาศัยอยู่จำนวนมาก เช่น ห้วยขวาง รัชดาภิเษก เยาวราช และสัมพันธวงศ์ 

 

 

 

เมื่อ "ทุนจีนสีเทา" เข้ามาในไทยมากขึ้นก็จะส่งผลกระทบการทำธุรกิจของคนไทย นั่นคือรายได้ที่เกิดขึ้นแทบไม่ได้ตกอยู่กับประเทศไทยเลย เนื่องจากจะไปตกอยู่กับคนในกลุ่ม "ทุนจีนสีเทา" ทั้งสิ้น ส่วนคนไทยที่ได้ประโยชน์ ก็อาจจะมีแค่คนที่รับเป็น"นอมินี" เท่านั้น

 

 

 

จากข้อมูลของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กลุ่มเป้าหมายที่ถูกตรวจสอบ เนื่องจากเสี่ยงที่จะเป็น "นอมินีทุนจีนสีเทา" ปี 2566
1. ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง 161 ราย
2. ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และถือครองอสังหาริมทรัพย์ 123 ราย
3. ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต 41 ราย

 

 

 

ส่วนพื้นที่เป้าหมายตรวจสอบ 9 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และกรุงเทพฯ

 

 

โดยผลการตรวจสอบ "นอมินีทุนจีนสีเทา" ในปีงบประมาณ 2558-2565  พบว่า ปี 2558 จำนวน 13 ราย , ปี 2559 จำนวน 15 ราย , ปี 2560 จำนวน 4 ราย ,ปี 2561 จำนวน 2 ราย , ปี 2562 จำนวน 4 ราย , ปี 2563 จำนวน 5 ราย , ปี 2564 จำนวน 145 ราย

 

 

 

แบ่งออกเป็น ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง จำนวน 44 ราย ,ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเกี่ยวเนื่อง จำนวน 89 ราย, ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต จำนวน 3 ราย, ธุรกิจบริการ 9 ราย  และใน ปี 2565 จำนวน 3 ราย

 

 

 

สำหรับคนไทยที่หลงผิดไปเป็น "นอมินี" ให้ "ทุนจีนสีเทา" สิ่งแรกที่ต้องเจอคือ ถ้าถูกตรวจสอบแล้วพบว่า เข้าข่าย "นอมินี" ก็จะถูกนำส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อตรวจสอบ

 

 

 

ทั้งนี้หากพบว่าเป็น "นอมินีทุนจีนสีเทา" ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน ซึ่งถ้าเป็นกรรมการบริษัท ก็นับว่าเข้าข่ายมีความผิดด้วย