ข่าว

เด็กสาว 18 ปี แจ้งจับ 'พ.อ.' ใช้ 'แอปฯหาคู่' หลอกให้รัก สุดท้ายตีตัวออกห่าง

เด็กสาว 18 ปี แจ้งจับ 'พ.อ.' ใช้ 'แอปฯหาคู่' หลอกให้รัก สุดท้ายตีตัวออกห่าง

27 ส.ค. 2566

'เพจสายไหมต้องรอด' พาเด็กสาววัย 18 ปี ขึ้นโรงพักแจ้งจับ เสธฯ 'พ.อ.' วัย 47 ปี ใช้ 'แอปฯหาคู่' อ้างตัวเป็นวัยรุ่น ลวงติดต่ออ้างหลงรัก วาดฝันชีวิตสมรส หลอกสานสัมพันธ์นานข้ามปี สุดท้ายตีตัวออกห่าง

 

27 ส.ค. 2566 น.ส.ชลดา บุตรวิชา ตัวแทนเพจสายไหมต้องรอด พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.คีตาภัช โชติพนัส สว.(สอบสวน)สน.บางเขน ให้ดำเนินคดีกับ เสธฯทหาร ยศพันเอกพิเศษ สังกัดกองทัพไทย อายุ 47 ปี ในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเรา และ พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร

 

น.ส.เอ เปิดเผยว่า เมื่อกลางตุลาคม ปีที่แล้ว ผู้ก่อเหตุอ้างตัวเป็นชายวัยรุ่น เข้ามาติดต่อผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ หลังการพูดคุยมีการนัดเจอหลังเลิกเรียน ที่บ้านพัก ย่านรามอินทรา เมื่อไปถึงกลับพบว่า ชายที่คุยด้วยนั้น เป็นชายสูงวัยจึงตกใจ แต่ผู้ก่อเหตุก็พยายามหลอกล่อให้เข้าไปพูดคุยภายในบ้าน

 

สาววัย 18 แจ้งจับเสธ หลอกให้รัก

 

จากนั้นก็พยายามบอกว่า ตอนนี้อยู่คนเดียวและไม่มีครอบครัว ซึ่งจากที่นั่งคุยกันแบบมีระยะห่าง ฝ่ายชายก็ได้ขยับเข้ามาใกล้แล้วใช้มือลวนลาม แม้ตัวเองพยายามขัดขืนแต่สู้แรงไม่ไหว ขณะนั้นฝ่ายชายมีอาการมึนเมา หลังเกิดเหตุไม่กล้าบอกใครแม้กับครอบครัวก็ไม่กล้าบอก

 

 

 

ต่อมาตนก็พยายามตีตัวออกห่าง แต่ถูกตามง้อ และมีความสัมพันธ์กัน ซึ่งทุกครั้งที่มีการตามง้อฝ่ายชายบอกว่าจะให้ความมั่นคงในชีวิต จะจริงจังจดทะเบียนสมรส พาไปพบเพื่อน บอกจะซื้อคอนโดให้ และเมื่อวันเกิดครั้งล่าสุดที่อายุครบ 18 ปี ฝ่ายชายได้โพสต์รูปของผู้เสียหายลงโซเชียลมีเดีย ก็ยิ่งทำให้หลงเชื่อว่า ฝ่ายชายจริงจัง ทำให้ผู้เสียหายและฝ่ายชายมีควาสัมพันธ์กันเรื่อยมาจนเกือบปี 

 

สาววัย 18 แจ้งจับเสธ หลอกให้รัก

 

 

 

กระทั่ง ฝ่ายชายได้ตีตัวออกห่าง จนเป็นฝ่ายบอกเลิกความสัมพันธ์ ทำให้ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องไปยังเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยดำเนินคดี ที่ถูกหลอกให้เชื่อใจเพื่อแลกกับความสัมพันธ์ ตนได้พยายามติดต่อฝ่ายชาย แต่ก็หลบหน้า และยังปฏิเสธว่า ฝ่ายชายไม่ผิดอะไร ซ้ำท้าทายให้ผู้เสียหายฟ้องร้อง

 

 

 

ด้าน น.ส.ชลดา บุตรวิชา ตัวแทนเพจสายไหมต้องรอด  กล่าวว่า แม้ผู้ก่อเหตุจะเป็นข้าราชการทหาร ระดับ เสธทหาร แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และเมื่อกระทำความผิดก็ต้องได้รับโทษ ซึ่งทีมงานจะช่วยเหลือผู้เสียหายตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่

 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแจ้งความ ตำรวจได้พาผู้เสียหายไปชี้จุดเกิดเหตุ ที่บ้านพักของผู้ก่อเหตุ ย่านรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ซึ่งได้สอบถามแม่บ้านที่ดูแลบ้านพักที่จุดเกิดเหตุ ได้ความว่า บ้านหลังนี้ พักอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4-5 คน โดยวันนี้ ชายผู้ก่อเหตุนั้น ไม่มีครอบครัว และออกไปทำธุระนอกบ้าน