เส้นทาง 'พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร' ชำระแค้นให้ตา เป็นที่มา 'มือปราบขุนดง'
เปิดเส้นทางชีวิต ตำรวจมือปราบปืนดุ ของ 'พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร' เพราะอยาก ชำระแค้นให้ตา เป็นที่มา 'มือปราบขุนดง'
ชื่อของ “พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร” อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ฉายา “มือปราบขุนดง” ที่ทำคดีดังมาหลายคดี กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หลังเกิดคดียิง “ตำรวจทางหลวง” กลางวงกินเลี้ยง บ้าน “กำนันนก” จนเรียกได้ว่าเป็นอีกคดีที่สะเทือนวงการตำรวจ “พล.ต.ท.เรวัช” ถือเป็นตำรวจรายแรกๆ ที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีอย่างดุเดือด โดยเฉพาะประโยคเด็ดที่ฝากถึง “บิ๊กโจ๊ก” ว่า “ไอ้พวกนี้มันขี้ตีนเรา มันจะเป็นเจ้าพ่อได้ไง” ทำให้หลายอยากรู้จัก “มือปราบขุนดง” ท่านนี้ ผ่านคดีดังอะไรมาบ้าง
พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร เป็นชาว อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เป็นลูกของเจ้าของโรงสี ซึ่งระหว่างที่เรียนอยู่ชั้น ป.5 ชีวิตต้องพลิกผัน เมื่อตา ถูกกลุ่มโจรบุกปล้นและฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ทางญาติได้ตั้งค่าหัว 5 พันบาท ขณะที่ตัวเขาเองนั้น ต้องกลายเป็นพยานปากเอก ติดตามตำรวจไปทุกที่ เพื่อชี้ตัวคนร้าย ทำให้กลุ่มโจรไม่พอใจ จนเขาโดนดักฆ่า หลังจากนั้นเขาจึงต้องพกปืน .38 ติดตัว และอยู่ในความดูแลของตำรวจ
จากชีวิตที่อยู่บนความดุเดือด ดุดัน ของ “พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร” ทำให้เขาก็เกือบจะเป็นโจร ไม่ใช่ตำรวจ เพราะช่วงวัยรุ่น เขาก่อคดี ทั้งแทงคนตาย จนถูกไล่ออก และต้องหนีไปเรียนอีกจังหวัด กระทั่งสอบเป็นเสมียนที่ จ.ชัยนาท จากนั้นสอบเป็นปลัดอำเภอ ทำหน้าที่ติดตามนายอำเภอ เป็นมือคุ้มกันพ่อเมืองในยุคผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์กำลังอาละวาดหนัก แต่เพราะมีความทรงจำในเรื่องของตา จึงทำให้เขาอยากเป็นตำรวจ
พลิกเส้นทางเป็นตำรวจ
พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร เรียนปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และจบปริญญาโทอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ติดยศ ร.ต.อ. จากนั้น ขอย้ายไปประจำที่โรงพักชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งในขณะนั้นถือเป็น “ดงโจร” มีทั้งโจรเรียกค่าไถ่ และปล้น และได้ถูกตั้งเป็นหัวหน้าชุดขุนดง จนได้ฉายาว่า “มือปราบขุนดง”
กระทั่งไปยิงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รายหนึ่ง ผลสุดท้ายเขาถูกย้ายภายใน 24 ชั่วโมง เพราะลบเหลี่ยมนายทุนอิทธิพลหนุนหลังนักการเมือง ไปเป็นหัวหน้าสายสืบสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาญจนบุรี ห้ามเข้าพื้นที่ลพบุรีกับสระบุรี แต่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับทีมของ “ราชศักดิ์ จันทรัตน์” ตำนานมือปราบแห่งยุค ทำงานตำแหน่งรองสารวัตรนานถึง 12 ปี ถึงขยับขึ้นเป็นสารวัตรงานสอบสวน ตำรวจภูธร จ.กาญจนบุรี เขต 2
คดี “ศยามล”
ในปี 2536 คดีสะเทือนขวัญ “คดีศยามล” ที่โด่งดัง พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร สมัยเป็นสารวัตรสืบสวนตำรวจภูธร จ.เพชรบุรี เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เก็บพยานหลักฐาน เก็บดีเอ็นเอจากน้ำอสุจิ ซึ่งสมัยนั้นไม่มีใครทำ จึงทำให้สามารถสืบสวน จนแกะรอยจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด รวมถึง “หมอบัณฑิต” สามี ผู้จ้างวาน
ปิดแฟ้มโบแดงคดีศยามล มือปราบขุนดง ย้ายเป็นสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธร ต.ลาดไร่เก่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนขึ้นรองผู้กำกับ สภ.กิ่งอำเภอสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์, ผู้กำกับ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ก่อนขยับเป็นผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง และรองผู้บังคับการตำรวจน้ำ
ปี 2547 เกิดคดียิงเจริญ วัดอักษร ประธานกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ แม้จะสังกัดตำรวจน้ำ แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในพื้นที่ จึงถูกเรียกตัวมาให้ช่วยสืบสวนคดี จนนำไปสู่การจับกุมนายเสน่ห์ เหล็กล้วน นายประจวบ หินแก้ว นายธนูหินแก้ว นายมาโนช หินแก้ว อดีตสมาชิกสภา จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายเจือ หินแก้ว อดีตกำนันตำบลบ่อนอก
ด้วยความเป็นคนบู๊ ระห่ำ มีวีรกรรมมาอย่างโชกโชน แม้กระทั่งตอนโดนย้ายเข้ากรุจเรตำรวจ ผู้ใหญ่ยังเรียกออกมาใช้งานตามล่านายยงยุทธ สุดธง หรือ “ยุทธ อู่ทอง” หัวหน้าแก๊งลักรถ ที่ผันตัวไปเป็นมือปืน และค้ายาเสพติด ก่อคดียิงตำรวจ 2 ศพในพื้นที่ภาค 6
เรียกได้ว่า ทั้งปะทะกับเจ้าพ่อ มือปืน และผู้มีอิทธิพลมานับไม่ถ้วน ก่อนจะได้ติดยศ “นายพล” ขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาญจนบุรี เมื่อปี 2550 แล้วย้ายเป็นผู้บังคับการประจำสำนักงานจเรตำรวจ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รองจเรตำรวจ (สบ7) รักษาการผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และนั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กระทั่งเกษียณอายุราชการในปี 2559
ขอบคุณภาพ : cops-magazine