'พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย' มือปราบ เปรี้ยวหั่นศพ สู่ 1 ในทีมคดี 'กำนันนก'
เลือด ตำรวจ เข้มข้น เปิดความในใจ 'พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย' จากมือปราบ 'เปรี้ยวหั่นศพ' เป็นหนึ่งในทีมคลี่คลายคดี 'กำนันนก'
“พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย” รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 (ผบก.สส.ภ.4) เป็นอีกหนึ่งในชุดสืบสวน คลี่คลายคดียิง “สารวัตรศิว” พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกับน้องชาย “พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย” นับเป็นตำรวจคู่พี่น้อง ที่ถูกมอบหมายให้ทำคดีใหญ่สะเทือนวงการตำรวจ ที่เขาถึงกับต้องเปิดความในใจว่า ศักดิ์ศรีของความเป็นตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับ “กำนันนก” ทรยศต่ออาชีพ
พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ระบุว่า “คดีกำนันนก" เป็นคดีหนึ่งที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ให้เป็นหนึ่งในทีมสืบสวน เพื่อแสวงหาพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความจริงเหมือนหลายๆ คดีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ได้พบทำให้สะเทือนใจ เสียใจ และ หดหู่ใจ ที่ตำรวจดีๆต้องเสียชีวิต ตำรวจได้รับบาดเจ็บ ตำรวจต้องตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งล้วนแต่เป็นพี่ เพื่อน น้อง หลายคนเคยทำงานร่วมกัน บางคนเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน ต้องได้รับผลกระทบจากคดีนี้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกตั้งคำถามจากประชาชนในหลายๆ เรื่องจากเรื่องนี้ แต่เมื่อความจริงปรากฎพยานหลักฐานในหลายๆ เรื่อง ได้บอกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ผมเชื่อว่าไม่มีตำรวจคนใดที่อยู่ในงาน จะคาดคิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เพราะเกิดขึ้นซึ่งหน้าอย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน แต่เพื่อนตำรวจกลุ่มหนึ่ง ที่เมื่อเกิดเหตุ กลับช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนี ทำลายพยานหลักฐาน ไม่รักษาสถานที่เกิดเหตุ ไม่ช่วยเหลือตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ พฤติกรรมแบบนี้เกินกว่าที่จะรับได้ ทรยศต่ออาชีพ ศักดิ์ศรีตำรวจของคนเหล่านั้นหมดไปนับแต่วินาทีนั้น
สำหรับผม เค้าเหล่านั้นไม่ใช่ตำรวจอีกต่อไป ส่วนตำรวจที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตน ก็คงเป็นหน้าที่จะต้องชี้แจงว่ามีเหตุผลอย่างไรจึงได้ละเว้นหน้าที่เช่นนั้น ขอชื่นชมตำรวจที่ได้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและทำหน้าที่ที่ควรทำ ซึ่งจะเห็นว่ายังมีตำรวจที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่อีกมาก
ในการทำงานสืบสวนตลอดชีวิตราชการที่ผ่านมา ผมจะยึดถือเสมอว่า “ต้องแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อยืนยันตัวผู้กระทำผิดให้ได้รับโทษ แต่สิ่งที่ต้องทำคู่กันไปคือ ต้องค้นหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคนที่เกี่ยวข้องในคดีด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม” การสืบสวนในคดีนี้ แม้จะลำบากใจแค่ไหน อาจจะมีคนที่มองต่าง ตำหนิว่าไม่ช่วยเพื่อน ไม่รักตำรวจ ผมต้องขอโทษนะครับ ผมคิดว่าการสืบสวน สอบสวน อย่างตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ เพื่อทำความจริงให้ปรากฎ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเท่านั้น จึงจะรักษาองค์กรและศักดิ์ศรีของตำรวจอีกกว่าสองแสนคน ให้ดำรงอยู่อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นที่เชื่อมั่น และ ศรัทธาของประชาชนต่อไปได้
ทั้งนี้ “พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย” โด่งดังมาจากสมัยเป็น ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เมื่อปี 2560 ในคดี “เปรี้ยวหั่นศพ” ที่จับกุมได้อย่างรวดเร็ว แต่ที่สร้างความฮือฮา เพราะหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ประกอบกับฝีไม้ลายมือการทำงานไม่เป็นสองรองใคร ตามติดประชิดเกาะ กระทั่งปิดจ๊อบสรุปสำนวนคดี จนมีภาพถ่ายแชร์ว่อนโซเชียล เรียกได้ว่าเป็น “มือปราบหน้าหยก” เลยก็ว่าได้
พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ชื่อเล่นว่า หนึ่ง เป็นสายเลือดตำรวจโดยแท้ เพราะนอกจากเขาจะเป็นลูกของ พ.ต.อ.สัมพันธ์ พิศมัย นรต.25 แล้ว เขายังเป็นพี่ชายของ รองแนน หรือ รองเปียก พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.จันทบุรี หนึ่งในทีมคลี่คลายคดี “กำนันนก” เช่นเดียวกัน และมีน้องสาวอีกหนึ่งคน เป็นทหารเรือ
พ.ต.อ.ภาคภูมิ จบหลักสูตรโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 52 เติบโตมาในสายงานสืบสวนและปราบปรามยาเสพติด โดยรับราชการครั้งแรก ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เมื่อปี 2542 จากนั้น ได้ย้ายไปสังกัดตำรวจภูธรภาค 1 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในตำแหน่งรองสารวัตรจราจร ในปี 2544 กระทั่งปี 2549 ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งสารวัตรหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น เป็นหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น
“จริงๆ แล้ว ผมกับแนน เป็นตำรวจพร้อมๆ กัน แต่ผมนี่เข้าโควตานักกีฬา เล่นบาสฯ ให้ตำรวจ แล้วก็เข้าโครงการเป็นตำรวจ เรียนที่โรงเรียนตำรวจเขต 7 นครปฐม บรรจุที่แรกที่ สภ.เมืองเพชรบุรี ปี 2535 เป็นอยู่ปีเดียว ไปสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยฯ อีกที ก็เลยไปเป็นรุ่นหลังน้อง ปีหนึ่ง” นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตอบปมสงสัย ในบทสัมภาษณ์หนังสือตำรวจ ถึงสาเหตุเป็น นรต.รุ่นน้อง ของน้องชาย
พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ด้วยบุคลิกที่สุภาพ เรียบร้อย ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดรักใคร่ชื่นชอบ แต่หากเป็นการทำงาน จะดุดันและจิกไม่ปล่อย และนับว่าเป็นตำรวจที่มีความเก่ง โดดเด่นมาตลอด สามารถปิดคดีสำคัญได้หลายคดี เช่น คดีลักทรัพย์พิพิธภัณฑ์ใน จ.ขอนแก่น, คดีฆ่าปลัด อบจ.ขอนแก่น ซึ่งมีผู้ต้องหาเป็นตำรวจ รวมทั้งคดี แอมไซยาไนด์ แต่ที่โด่งดังเป็นที่รู้จัก น่าจะมาจากคดี “เปรี้ยวหั่นศพ” ที่สามารถจับกุมได้อย่างรวดเร็ว และล่าสุด ได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในทีมสืบสวนคลี่คลายคดียิงตำรวจทางหลวง จึงถือว่าเป็นตำรวจน้ำดี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกนายหนึ่ง
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก พันตำรวจเอก ภาคภูมิ พิศมัย