ข่าว

'โฆษกกรมราชฑัณฑ์' ยัน 'ทักษิณ' ยังไม่ยื่นขอพักโทษ

'โฆษกกรมราชฑัณฑ์' ยัน 'ทักษิณ' ยังไม่ยื่นขอพักโทษ

18 ก.ย. 2566

"โฆษกกรมราชทัณฑ์" ยืนยัน "ทักษิณ ชินวัตร" ยังไม่มีการยื่น "ขอพักโทษ" เหตโทษจำคุกยังไม่ครบเกณฑ์ ชี้ โทษจำคุกหลังอภัยลดโทษจะถึงที่สุดในเดือน ก.พ. 2567 และใกล้ครบ 30 วัน รพ.ตำรวจ ต้องส่งรายงานสุขภาให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์พิจารณาว่านอนต่อหรือส่งกลับเรือนจำฯ

18 ก.ย. 2566  นายสิทธิ สุธีวงศ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงถึงกรณีที่รายงานว่า ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และในฐานะผู้ต้องขังเด็ดขาดยื่นเอกสารต่อเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขอเข้าโครงการพักการลงโทษ กรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือ มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป  โดยขอยืนยันว่านายทักษิณ หรือครอบครัว ยังไม่มีการยื่นขอพักโทษแต่อย่างใด และ ทางกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้รับทราบการยื่นเอกสารดังกล่าว

 

ในส่วนของกระบวนการขอพักโทษนั้น จะเป็นกระบวนการที่เรือนจำจะเป็นผู้พิจารณายื่นเรื่องให้กรมราชทัณฑ์พิจารณา ซึ่งทางเรือนจำฯ จะสามารถยื่นรายชื่อบุคคลที่จะดำเนินการพักโทษได้ จะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของนักโทษรายนั้น ๆ

 

 

นายสิทธิ สุธีวงศ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์

 


 

คุณสมบัติของนักโทษขอพักโทษแบ่งเป็น 2 กรณี คือ

1.แบบปกติ นักโทษรายนั้นๆจะต้องโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของโทษจำคุกที่ได้รับ

2.แบบพิเศษ มีเกณฑ์แยกย่อย 3 ข้อ คือ

- จะต้องเป็นนักโทษที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป

- มีภาวะป่วยชราภาพ 

- ต้องโทษไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษจำคุก หรือต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป

 

ซึ่งในกรณีของนายทักษิณ สามารถเข้าเกณฑ์ได้ทั้งแบบปกติและแบบพิเศษก็ได้ เพราะนายทักษิณเองถือเป็นผู้ต้องขังสูงอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไปและป่วยร่วมด้วย 
 

สำหรับขั้นตอนแรกในโครงการการพักการลงโทษนั้น ทางเรือนจำที่ทำหน้าที่สำรวจรายชื่อผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ และพิจารณาจากคุณสมบัติของนักโทษรายนั้นว่าเข้าเกณฑ์แบบปกติหรือแบบพิเศษ ซึ่งถ้าหากดูคุณสมบัติของนายทักษิณ แล้วก็อาจจะได้รับการพิจารณาเข้าโครงการพักการลงโทษ กรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป แต่ตามกฎหมายก็ได้มีการระบุชัดเจนว่าจะต้องมีการรับโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือตั้งแต่ 6 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า

 

ซึ่งปัจจุบันนายทักษิณ ได้การอภัยลดโทษเหลือจำคุกเพียง 1 ปี ดังนั้น 1 ใน 3 ที่นี้ก็คือ 4 เดือน แต่ตามกฎหมายมีการระบุว่าหรือ 6 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า ซึ่งหมายความว่านายทักษิณจะต้องจำคุกมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน การยื่นมาก่อนก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เพราะยังไม่เข้าเกณฑ์ จึงทำให้กรณีของนายทักษิณ โทษจำคุกจะไปสิ้นสุดอยู่ที่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567

 

อย่างไรก็ตาม นายทักษิณจะถูกพิจารณาพร้อมกับผู้ต้องขังเด็ดขาดรายอื่นๆ เนื่องจากทางเรือนจำจะมีการเสนอเรื่องขึ้นมาแล้วจึงจะมีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการพักการลงโทษของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเดือนละ 1 ครั้ง 

 

โฆษกราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่าหากนายทักษิณเข้าเกณฑ์ได้รับการพักการลงโทษ ทางเรือนจำก็จะมีการแจ้งไปยังทนายความประจำตัวของผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังเองด้วย เพื่อแจ้งเงื่อนไขให้ทราบว่านักโทษจะต้องรู้คุณสมบัติของตัวเอง แล้วก็ต้องเตรียมเอกสาร อีกทั้งจะมีการสัมภาษณ์ เพราะผู้ต้องขังเด็ดขาดแต่ละรายที่ผ่านเกณฑ์จะต้องเข้าให้การสัมภาษณ์กับทางเรือนจำ เพื่อทางเรือนจำได้ดูตัวและสอบถามพูดคุยว่าครบเกณฑ์หรือไม่และยังมีกระบวนการอื่นๆอีกมาก 

 

สำหรับกรณีของนายทักษิณ ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำหรือที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งปกติแล้วจะต้องมีคุณสมบัติผ่านเข้ารับการอบรมต่างๆ แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่สามารถเข้ารับการอบรมได้ก็จะมีข้อยกเว้นอื่นๆ ซึ่งคณะกรรมการจะต้องไปลงรายละเอียดเพื่อหารือกันอีกครั้ง แต่ในตอนนี้นายทักษิณ ยังไม่ถึงเวลาที่จะอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาสำหรับโครงการดังกล่าวเพราะว่ายังต้องโทษจำคุกไม่ครบตามเกณฑ์

 

อย่างไรก็ตาม ปกติทางเรือนจำจะมีการสำรวจล่วงหน้าสักประมาณ 1-2 เดือน ก่อนที่จะถึงเดือน ก.พ.67 เพราะจะมีขั้นตอนในส่วนของกรมคุมประพฤติที่จะต้องไปสืบเสาะและรายงานผลกลับมา เราจึงจะมีการประชุมของคณะกรรมการ

 

เมื่อถามว่าใกล้ครบกำหนดระยะเวลาการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำสำหรับ 30 วัน ทางเรือนจำหรือราชทัณฑ์ จะมีการพูดคุยกับทีมแพทย์ผู้ทำการรักษาของโรงพยาบาลตำรวจหรือไม่ว่าจะพิจารณาให้นายทักษิณรักษาต่อเนื่องหรือส่งกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

 

เมื่อใกล้ครบ 30 วันทาง รพ.ตำรวจ จะต้องส่งผลประเมินเรื่องสุขภาพมายังเรือนจำ และ กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเราก็จะพิจารณาจากความเห็นของแพทย์ ซึ่งถ้าหากนายทักษิณยังคงมีอาการไม่ทุเลาดีขึ้นหรือแพทย์มีความเห็นให้มีความจำเป็นจะต้องรับการรักษาเฉพาะทางต่อเนื่อง เรือนจำฯ ก็จะพิจารณาจากความเห็นของแพทย์ดังกล่าว และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็จะอนุญาตให้พักรักษาตัวภายนอกเรือนจำต่อได้