เปิดเหตุผล 'ตำรวจ' ลาออก สูญสิ้นศรัทธาในระบบ
เปิดเหตุผลอดีต 'ร.ต.อ.' ปิดฉากชีวิตตำรวจ 23 ปี เบื่อระบบงานสอบสวน เครียดสะสม ขอย้าย 2 ครั้งไม่ผ่าน ขอ 'ลาออก' ดีกว่า ส่วนอีกราย 'ส.ต.อ.' ให้เหตุผล สูญสิ้นศรัทธาในระบบตำรวจ
30 ก.ย. 2566 ภายหลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อนุญาตให้ข้าราชการตำรวจลาออกจากราชการ ตามโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ 24 หรือ เออร์ลี่รีไทร์ ปรากฎว่าในปีนี้มีตำรวจระดับยศตั้งแต่ "ด.ต.-พล.ต.ท." เออร์ลี่รีไทร์ จำนวนทั้งสิ้น 1,407 นาย
โดยทุกปีจะมีตำรวจตั้งแต่ระดับ "ด.ต.- พล.ต.ท." ยื่นขอเออร์ลี่รีไทร์ แต่ในปีนี้พบว่าขอเออร์ลี่มากสุด และเมื่อไปดูสถิติย้อนหลัง 5 ปี มีตำรวจเออร์ลี่ กี่นาย
ปี 2562 จำนวน 933 นาย, ปี 2563 จำนวน 849 นาย, ปี 2564 จำนวน 975 นาย, ปี 2565 จำนวน 1,275 นาย, ปัจจุบัน ปี 2566 จำนวน 1,407 นาย
คมชัดลึกออนไลน์ พาไปดูเหตุผลของตำรวจบางนายที่ขอลาออกจากราชการ เมื่อโซเชียลมีการแชร์หนังสือบันทึกข้อความส่วนราชการ สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ตช 0022(พบ).66/พิเศษ วันที่ 30 มิ.ย. 2566 เรื่อง ขอลาออกจากราชการ
ในหนังสือระบุว่า เรียน ผกก.โรงพักแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี /ผ่าน หน.งานสอบสวน ด้วย ข้าฯ ร.ต.อ. ตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) โรงพักแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี ปัจจุบันได้รับเงินเดือนระดับ ส.1 ขั้น 24 อัตราเงินเดือน 23,110 บาท รับราชการตำรวจมาตั้งแต่ วันที่ 1 ก.พ. 2543 จนถึงปัจจุบัน อายุราชการ 23 ปี 5 เดือน มีเวลาราชการทวีคูณรวม 18 เดือน 45 วัน ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนมาเป็นเวลา 11 ปี เศษ มีความประสงค์ขอลาออกจากราชการ
เนื่องจากเบื่อกับระบบงานสอบสวนที่มีความยุ่งยากซับซ้อนขึ้นทุกวัน พนักงานสอบสวนมีไม่เพียงพอ ไม่สอดคล้องกับปริมาณงานที่เพิ่มมากขึ้น มีเวลาพักผ่อนน้อย มีความเครียดสะสม ตลอดระยะเวลาที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนมีความกดดัน จากงานในหน้าที่หลายเรื่องทั้งกฎระเบียบ คำสั่ง สถิติ ตัวเลข และกฎหมายที่ออกมาใหม่จำนวนหลายฉบับให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติ ทั้งยังต้องร้องขอความเห็นใจจากหน่วยงานอื่นอยู่ตลอดเวลา หากเกิดข้อผิดพลาดอันเนื่องมาจากการสอบสวน มีความเสี่ยงสูงในการถูกร้องเรียนจากการปฏิบัติหน้าที่
ข้าฯจึงไม่มีความสุขกับการทำหน้าที่สอบสวนอีกต่อไป และไม่สามารถทำงานตามความคาดหวังของผู้บังคับบัญชา และประชาชนได้อีกต่อไป ประกอบกับตำแหน่งพนักงานสอบสวนไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตในสายงาน และไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ มองไม่เห็นอนาคต จึงไม่มีแรงบันดาลใจที่จะอยู่ปฏิบัติหน้าที่นี้อีกต่อไป
ซึ่ง ข้าฯเคยขอย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่นมาแล้วจำนวน 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณาจากผู้บังคับบัญชา ข้าฯ จึงขอลาออกจากราชการเพื่อไปประกอบอาชีพอื่น โดยข้าฯ ไม่ได้มีปัญหาหรือความขัดแย้งใดๆ กับเพื่อนร่วมงาน หรือผู้หนึ่งผู้ใดในที่ทำงานแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 เป็นต้นไป
นี่คือเหตุผลของตำรวจยศ ร.ต.อ. นายนี้ แต่หากย้อนไปก่อนหน้านี้ ยังมีตำรวจระดับยศ ส.ต.อ. ให้เหตุผลของการลาออกระบุว่า หมดหวังสูญสิ้นศรัทธาในระบบข้าราชการตำรวจ
โดยเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2566 ในโซเชียลมีการแชร์เอกสารขอลาออกจากราชการตำรวจ ของ ส.ต.อ.นายหนึ่ง ซึ่งเอกสารดังกล่าว เป็น บันทึกข้อความ ส่วนราชการ งานสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี เรื่อง ขอลาออกจากราชการ ระบุข้อความดังนี้
เรียน ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี ข้าพเจ้า ส.ต.อ. ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป) สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้เริ่มรับราชการเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2556 ปัจจุบันได้รับเงินเดือนระดับ ป.1 ขั้น 20.0 (17,290 บาท) มีความประสงค์ขอลาออกจากราชการ เพราะหมดหวังสูญสิ้นศรัทธาในระบบข้าราชการตำรวจ ปกป้องผู้กระทำความผิด ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตไม่ได้รับการเหลียวแล และข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ไม่เคยถูกต้องโทษในคดีอาญาหรือถูกตั้งกรรมการคดีทางวินัยแต่อย่างใด ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. 2566 จึงเรียนมาเพื่อทราบ
นี่เป็นส่วนหนึ่งของตำรวจบางนายที่ให้เหตุผลของการลาออกจากชีวิตราชการตำรวจ หลังจากนี้ "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เข้ามานั่ง ผบ.ตร. คนใหม่ น่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น