ข่าว

'ชัชชาติ' พบข้อมูล รถบรรทุกดาวเขียว เคยน้ำหนักเกิน 61.4 ตัน และ วิ่งเกินเวลา

'ชัชชาติ' พบข้อมูล รถบรรทุกดาวเขียว เคยน้ำหนักเกิน 61.4 ตัน และ วิ่งเกินเวลา

09 พ.ย. 2566

'ผู้ว่าฯชัชชาติ' เผย รถบรรทุกทำถนนทรุด เคยบรรทุกน้ำหนักเกิน 61.4 ตัน จากระเบียงกำหนด 25 ตัน และวิ่งหลัง 15.00 น. สั่งทุกเขตสุ่มตรวจไซต์งาน พบผิดกฎหมายโทษสูงถึงหยุดก่อสร้าง

กรณีรถบรรทุกวิ่งบนถนนและทำให้ทรุดบริเวณสุขุมวิท 64/1 โดยคาดการว่าอาจเกิดจากน้ำหนักเกินหรือไม่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังไม่ยืนยันว่า รถบรรทุกคันนี้ทำผิดกฎหมาย  ต้องรอกระบวนการสอบสวนตรวจหาน้ำหนักที่แท้จริงในวันเกิดเหตุจากตำรวจก่อน 

 

โดยมีข้อมูลจากงานวิจัยการชั่งน้ำหนักรถของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเครื่องวัด bridge weight motion (หรือเครื่องตรวจจับน้ำหนักใต้สะพาน) พบว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2566 เวลา 15.32น. รถบรรทุกคันนี้น้ำหนักอยู่ที่ 61.4 ตัน เกินระเบียบของกรุงเทพมหานครกำหนดและประกาศใช้ปี 2565 อยู่ที่ 25 ตัน 

ข้อมูลรถบรรทุกคันเกิดเหตุ

โดย กทม. สามารถบังคับใช้ได้เลย แต่ยอมรับที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กทม. โดยเฉพาะเทศกิจไม่มี ประสบการณ์และความรู้ในการตรวจจับน้ำหนักของรถบรรทุกได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้หารือกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการร่วมมือกันสกัดกั้นรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ตำรวจจะเป็นกำลังสำคัญที่จะบังคับใช้กฎหมายเพราะเป็นคดีอาญาและมีหน้าที่จะเขียนสำนวนว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง 

 

ในส่วน กทม. หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่เทศกิจจะร่วมกับตำรวจ ลงพื้นที่ไซต์งานก่อสร้าง เพื่อสุ่มตรวจน้ำหนักรถบรรทุก ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกสำนักงานเขต สำรวจงานก่อสร้างที่มีงานถมดิน ทั้งหมด 319 แห่ง ทำการสังเกตด้วยตาเปล่า หากพบรถบรรทุกที่คาดว่ามีน้ำหนักเกิน ก็จะนำเครื่องชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ไปตรวจสอบ โดยได้รับจากกรมทางหลวง 2 เครื่อง  

 

หากพบว่ารถบรรทุกน้ำหนักเกินในไซต์งานใด จะมีการตักเตือนและอาจจะระงับใบอนุญาตการก่อสร้างชั่วคราว

 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ในอนาคตทาง กทม.เตรียมจะติดตั้งอุปกรณ์เครื่องวัด bridge weight motion 10 จุด ซึ่งต่างประเทศใช้ และมีความแม่นยำที่ยอมรับได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการโดยต้องรอให้ผลการวิจัยเสร็จสิ้นเสียก่อน คาดว่าจะติดตั้งได้ภายในสิ้นปีนี้และปีหน้า โดยจะขยายการติดตั้งเพิ่มขึ้นด้วย แต่ขอไม่ระบุว่าจุดไหนบ้าง เพื่อให้เกิดการบังคับใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

 

ส่วนการยื่นฟ้องคดีอาญา กทม.จะดำเนินการหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ต้องรอให้เครื่องวัดมีความพร้อมเสียก่อน และต้องมีการเก็บข้อมูลหลายขั้นตอน กทม.จะศึกษารายละเอียดข้อกฎหมายร่วมด้วยเพื่อให้มีน้ำหนักในการยื่นฟ้องต่อศาล

 

หลังจากนี้จะบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นมากขึ้นและจะเอาผิดไม่ใช่เฉพาะเพียงคนขับรถเท่านั้น แต่ไปถึงผู้รับเหมาและผู้ว่าจ้างรถบรรทุกด้วย เพราะถือเป็นการทำผิดร่วมกัน หากพบว่าไซด์งาน ไหนทำผิดจะมีโทษสูงสุดคือหยุดการก่อสร้าง

 

ส่วนที่พบสติกเกอร์สีเขียวรูปดาวหน้ารถบรรทุก เป็นสัญลักษณ์จ่ายส่วยผ่านเข้าพื้นที่หรือไม่ นายชัชชาติ ยืนยันว่า สำนักงานเขตไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับส่วยอย่างแน่นอน เพราะดูเฉพาะเรื่องความสะอาด เช่น มีผ้าคลุมรถหรือไม่ 

 

ทั้งนี้จะต้องอาศัยความร่วมมือจากสามหน่วยงาน คือ กทม. กรมทางหลวง และตำรวจท้องที่ เพื่อ สร้างความมั่นใจให้กับพื้นที่ ปัญหาการจ่ายส่วยจะลดลง เพราะมีหลักฐาน และเชื่อว่าตำรวจจะเอาจริงเอาจัง เนื่องจากปัจจุบันสมัยนี้ประชาชนเห็นหมด แนวปฏิบัติเดิมๆ อาจจะใช้ไม่ได้ในยุคนี้ สังคมจะเห็นว่าใครทำผิดและใครทำถูก ส่วนกทม.เอง ก็จะมาดูว่ามีปัญหาในส่วนไหน 

 

ขณะที่การประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สั่งกำชับให้ฝ่ายเกี่ยวข้อง ตรวจสอบงานก่อสร้างที่ตัวเองรับผิดชอบ การไฟฟ้านครหลวงมีอยู่ 879 แห่ง สำนักการระบายน้ำ มีอยู่ 30 แห่ง เพิ่มมาตรฐานการก่อสร้าง ลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อีก 

ขั้นตอนจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน