น.1 เผยคนร้ายยิงคู่อริ มือปืนในคราบนักศึกษา มีชั้นเชิงก่อเหตุ | คมชัดลึก

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รอง ผบ.ตร.(ปป) พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมทีมคลี่คลายคดี 2 คนร้ายยิงนักศึกษาอุเทนถวายบาดเจ็บสาหัส และพลาดโดนครูเจี๊ยบ ครูโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์เสียชีวิต นอกจากนี้ยัง รับฟังแนวความคิดและแนวทางปฏิบัติของบช.น.ในการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

พล.ต.อ.ธนา เปิดเผยว่า ขณะนี้พอทราบกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งมีผลตรวจดีเอ็นเอของคนร้าย อยู่ระหว่างการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำไปเปรียบเทียบประวัติอาชญากร เพื่อให้ความเป็นธรรมและทำให้เกิดความรอบคอบ ยังไม่ขอบอกหลักฐานที่บ่งชี้ ใครเป็นคนก่อเหตุ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงไม่ขอตอบกรณีคนให้การช่วยหลบหนี เพราะเป็นรายละเอียดอยู่ในสำนวน 

ส่วนการหลบหนีนั้น ผู้ก่อเหตุยังไปได้ตลอด เพราะยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ยังไม่ได้ออกหมายจับ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ขอทำงานให้สำเร็จก่อน ต้องเชื่อมือ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวนนครบาล

ด้าน พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า คดีนี้ทำเต็มที่อยู่แล้ว มีข้อมูลที่เห็นร่องรอยคนร้ายและสามารถพิสูจน์ทราบบุคคล คนร้ายวางแผนมาอย่างดี มีการเตรียมการจัดหายานพาหนะ เส้นทางหลบหนี รวมถึงที่พักคอย จุดที่ต้องเปลี่ยน จุดลงมือ จึงต้องใช้เวลาสืบสวน ซึ่งไม่ใช่นักศึกษาทั่วไปเพราะพฤติกรรมคล้ายคนที่เป็นมือปืนแต่อยู่ในคาบนักศึกษาที่ได้รับคำแนะนำมา 

โดยดูแผนปทุษกรรมเก่าทั้งหมดตั้งแต่ ก.พ.2565 พบว่า มีความเชื่อมโยงกันของแผนปทุษกรรมของกลุ่มที่เคยก่อเหตุในอดีต แต่คนร้ายที่ลงมือ ไม่ได้กระทำการโดยลำพัง เป็นในลักษณะกลุ่มบุคคล ส่วนจะมีอาชีพหรือไม่อาชีพ จะเป็นศิษย์เก่าหรือศิษย์ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้ และบอกไม่ได้ว่ามีกี่คน ส่วนมูลเหตุจูงใจก่อเหตุต้องรอให้ได้ข้อมูลและได้ตัวคนร้ายมากกว่านี้

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า ไม่อยากพาดพิงถึงสถาบันว่าเป็นการปลูกฝังจากองค์กรหรือไม่ แต่ยืนยันกลุ่มนี้มีเจตนาประสงค์ต่อชีวิตคนคนหนึ่งในคดีอาญาแน่นอน ทำไมคิดว่าเป็นนักศึกษา 2 สถาบันนี้ อาจจะเป็นสถาบันอื่นหรือใครก็ได้ ยืนยันว่า มีโอกาสที่จะได้ตัวมา และขอใช้คำว่า คนร้ายมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีพัฒนาการในการลบหนี มีการลบร่องรอย ลบพยานหลักฐานเกือบทุกขั้นตอน ไม่ใช่คนปกติ พฤติกรรมนี้คล้ายจะเป็นกลุ่มก้อนอาชญากรรม ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความรู้ในการวางแผนลงมือกระทำ ไม่กระทำโดยลำพัง หากยังอยู่ในสถานภาพแบบนี้การก่อเหตุและเกิดอันตรายไปอีก ดังนั้นจึงต้องมีวิธีการที่ปราบปรามให้ชัดเจนกว่านี้ และถ้าจะทำให้สังคมดีขึ้นควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากตำรวจเพียงหน่วยงานเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ควรมีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ไม่ใช่ก่อเหตุแล้วจะให้ตำรวจไปจับคนร้ายเพียงอย่างเดียว เพราะผู้ก่อเหตุไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่สองสถาบัน แต่มีลักษณะเหมือนหลายองค์กร ซึ่งการทำงานของตำรวจจะต้องมีการข่าวที่แต่ชัดว่าใครกระทำความผิด แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะทำได้เพราะยังไม่ใช่ผู้ต้องหา