ตร. ค้นรถแก๊งยิงเด็กอุเทนฯ อึ้งก่อเหตุเป็นขบวนการยิ่งกว่าในภาพยนต์
ตร. และ สพฐ. ตรวจค้นรถระบะแก๊งยิงเด็กอุเทนถวาย แอบนำซุกโพรงป่า พบขบวนการยิ่งกว่าองค์กรอาชญากรรม มีกองทุนก่อเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ไทรน้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน นำกำลังเข้าตรวจค้นรถกระบะของกลางในคดียิงเด็กอุเทนถวายและครูเจี๊ยบเสียชีวิต เป็นรถสีฟ้าขอบเทา บริเวนป่าไฝ่ ริมถ.โยธาธิการวัดต้นเชือก ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ที่จอดซุกซ่อนเอาไว้โดยมีการนำกิ่งไผ่มาวางปิดบังไว้รอบคันและใช้ผ้าใบสีน้ำเงินคลุมปิดท้ายไว้อีกที่เพื่ออำพราง
จากการตรวจสอบภายในรถพบ ซองใส่อาวุธปืนแบบลูกโม่ 1 อัน ป้ายทะเบียนรถจยย. 9 กม-6055 กทม. หมวกไอ้โม่งสีดำ 1 ใบ ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อยืด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดไว้ประกอบสำนวนคดี โดยพบว่ารถคันดังกล่าวนำมาจอดทิ้งไว้ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนขยายผลกลุ่มผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดก่อเหตุได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำหลายอย่าง ทั้งคนก่อเหตุขโมยแผ่นป้ายทะเบียนของชาวบ้านเพื่อมาใช้ในการก่อเหตุ
รถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ขนจักรยานยนต์คันหนึ่งไปรับป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน ในเขตพื้นที่สน.ประชาชื่น เผื่อนำมาใช้สับเปลี่ยนแผ่นป้ายกับคันที่ใช้ก่อเหตุยิงกลุ่มนักศึกษาคู่อริ ก่อนจะขึ้นรถขับหลบหนีบริเวณสถานีรพไฟบางซ่อน กทม.
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า รถกระบะคันดังกล่าวได้ขับเข้าที่เซฟเฮาส์ของกลุ่มคนก่อเหตุภายในซ.งามวงศ์สว่าง 19 กทม. จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าไปจับกุมตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ทั้งหมด 6 คน พร้อมของกลางอีกหลายรายการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
จากการสอบสวนทั้งหมดให้การที่สอดคล้องกันจนนำมาสู่การตามมาตรวจยึดรถกระบะคันดังกล่าวได้ ส่วนรถจักยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุยิงนั้นพบว่า เป็นรถสีแดง แต่พอก่อเหตุเสร็จแล้วว่า มีการเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล เบื้องต้นพบว่า กลุ่มนี้มีการติดต่อผ่านทางไลน์กลุ่มถึง 84 คน โดยเป็นกลุ่มไลน์ลับของพวกเขาที่มีความคิดแบบเดียวกัน ที่ว่าก่อเหตุแบบนี้แล้วจะเป็นฮีโร่ของกลุ่ม ซึ่งมันเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมาก
นอกจากนี้พบว่า กลุ่มผู้ที่ก่อเหตุมีการพัฒนาจนเกินกว่า "องค์กรอาชญากรรม" ไปแล้ว มันไม่ใช่แค่ขี่รถมาก่อเหตุ มันมีการวางแผนกันเป็น 10 คน
"ยิ่งกว่าในภาพยนตร์ มีรุ่นพี่ผู้ผ่านประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยง มีกองทุนเพื่อไว้หาอุปกรณ์ก่อเหตุ กองทุนไว้ประกันตัว จ้างทนายมาต่อสู้คดี และที่เห็นจะเลวร้ายที่สุดคือเมื่อมีคนถูกจับได้ พอถึงชั้นเบิกความก็จะตามพรรคพวกมานั่งแห่ฟังการไต่สวนของชุดสืบสวน เอาไปพัฒนารูปแบบการก่อเหตุไม่ให้โดนจับได้อีก เป็นเรื่องที่สังคมไม่ควรมองข้าม ลุกลามบานปบายไปถึงผู้บริสุทธิ์รับชะตากรรมจากกลุ่มบุคคลนี้" พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าว