ข่าว

CIB รวบสแกมเมอร์หลอกเอา OTP สั่งซ์้อสินค้าออนไลน์ พบผู้เสียหายสูญหลายแสน

CIB รวบสแกมเมอร์หลอกเอา OTP สั่งซ์้อสินค้าออนไลน์ พบผู้เสียหายสูญหลายแสน

17 ธ.ค. 2566

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสแกมเมอร์สวมรอยเป็นแอปขายของ หลอกเอารหัส OTP บัตรเครดิต สั่งซื้อสินค้าออนไลน์พบเสียหายหลายแสน

สอบผู้ต้องหาสแกมเมอร์

 

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช  ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB สั่งการให้ พ.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง สว.กก.3 บก.ปอท.พร้อมชุดจับกม ร่วมกันจับกุม นายไกรวีฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาสแกมเมอร์บัตรเครดิต ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับความผิดฐาน “ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นเพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด ฯ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , หลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ และฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”, หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี  ปี 2565 

 

CIB สอบพฤติการณ์ผู้ต้องหาสแกมเมอร์

 

พฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้ สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายถูกผู้ต้องหาหลอกเอารหัส OTP บัตรเครดิตไปซื้อสินค้า ตำรวจสืบสวน พบว่า มีผู้เสียหายอีกหลายรายได้ถูกผู้ต้องหาลักลอบเข้าไปใช้บัญชีผู้ใช้งานแอพลิเคชั่นขายของออนไลน์ของผู้เสียหาย โดยผู้ต้องหาจะสวมรอยใช้ชื่อและสัญลักษณ์รูปภาพเลียนแบบบริษัทขายของออนไลน์เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อว่าผู้ต้องหา เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทขายของออนไลน์ จากนั้นจะเข้าไปสนทนาพูดคุยกับผู้เสียหายผ่านการส่งข้อความทางไลน์หรืออีเมล์ ออกอุบายเพื่อให้ผู้เสียหายแจ้งหมายเลข OTP ของบัตรเครดิต ทำให้ผู้ต้องหาสามารถลักลอบนำข้อมูลบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปใช้ซื้อสินค้าได้สำเร็จ จากการสืบสวน พบว่า ข้อมูลบัตรเครดิตที่ผู้ต้องหาลักลอบนำไปใช้ เป็นการใช้ผ่านแอปพลิเคชันบัตรเครดิตของธนาคารทำรายการใช้วงเงินในบัตรด้วยวิธีสแกน QR Payment ผ่านร้านค้าของนายไกรวีฯผู้ต้องหาในคดีนี้และยังเป็นผู้กดเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงหน้าตู้เอทีเอ็มด้วยตนเอง

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นที่ผู้ต้องหาได้เอาข้อมูลบัตรเครดิตไป โดยเป็นการซื้อสินค้าทางออนไลน์ประเภททองคำและสมาร์ทโฟน ซึ่งผู้รับสินค้าดังกล่าวก็คือนายไกรวีฯ เช่นกัน

ตำรวจคุมตัวดำเนินคดี

 

เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา ฐาน“ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” “ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”พร้อมตรวจยึดของกลางโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ก่อนคุมตัวดำเนินคดีต่อไป

CR.อนุสรณ์ สาระศาลิน