'สืบนครบาล' รวบ กิ๊ป บ้านช่างหล่อ 'บัญชีม้า' แก๊งตุ๋นลงทุนชุดตรวจโควิด
"สืบนครบาล" ร่วมกับชุด PCT5 รวบ กิ๊ป บ้านช่างหล่อ สาวรับจ้างเปิด "บัญชีม้า" แก๊งหลอกร่วมลงทุนซื้อชุดตรวจโควิด เสียหายกว่า 8 ล้านบาท
23 ธ.ค.2566 ตำรวจสืบสวนนครบาล ร่วมกับ ชุด PCT5 จับกุม น.ส.กาญจนาพร หรือ กิ๊ป อายุ 31 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้" โดยจับกุมตัวได้ที่ บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 4 แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2566
สืบเนื่องจากเพจ สืบนครบาล IDMB ว่า ได้รับการร้องเรียนว่า ผู้ต้องหา หลอกชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุนซื้อชุดตรวจโควิด , หลอกขายตั๋วภาพยนตร์ , หลอกขายโค้ดป๊อปคอร์น โดยเฉพาะในการหลอกร่วมลงทุนซื้อชุดตรวจโควิด มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงิน มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 8,346,974
ในชั้นจับกุม น.ส.กาญจนาพร ให้การภาคเสธ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการข้อหาฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ แต่ยอมรับว่า เมื่อช่วงประมาณต้นเดือน ก.พ. 2565 มีบุคคลซึ่งรู้จักกับผ่านทางกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายบัญชีธนาคาร ชื่อเล่นว่า ส้ม หรือ น.ส.อลิษา อายุ 32 ปี ได้มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กกลุ่มซื้อบัญชีธนาคารกลุ่มดังกล่าว ตนเห็นจึงเกิดความสนใจ เนื่องจากช่วงเวลานั้นเป็นช่วงสถานการณ์โควิด ไม่เงินใช้จ่าย จึงได้ทักไปหา น.ส.ส้ม ว่าตนสนใจที่จะเปิดบัญชีธนาคารให้
น.ส.ส้ม เสนอค่าจ้างในการเปิดบัญชี หรือ บัญชีม้า เป็นเงิน 1,500 บาท เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ก็ได้ถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชน ส่งให้ น.ส.ส้ม เพื่อตรวจสอบประวัติคดี เมื่อตรวจสอบประวัติคดีผ่าน น.ส.ส้ม ได้ขอเบอร์โทรศัพท์ตนเพื่อไว้ติดต่อและนัดหมายสถานที่เพื่อไปทำการเปิดบัญชีที่ธนาคาร โดยนัดหมายที่ห้างแห่งหนึ่งย่านบางนา เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2565
นอกจากนี้ บางครั้ง น.ส.ส้ม ยังจ้างให้ตนทำหน้าที่โทรศัพท์หาธนาคารต่างๆ ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าของบัญชีเพื่อเช็กสถานะบัญชีของบุคคลที่ น.ส.ส้ม จ้างให้เปิดบัญชีเพื่อทราบว่าบัญชีธนาคารที่จ้างเปิดแต่ละบัญชีนั้นมีความเคลื่อนไหวทางบัญชีหรือไม่ อย่างไร โดยได้ค่าจ่างครั้งละ 500 บาท
น.ส.กาญจนาพร ให้ข้อมูลอีกว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2565 ซึ่งเป็นวันที่ ตนถูกจับตามหมายจับในความผิดฐาน "ทุจริต นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ" ท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง จึงได้ทักเฟซบุ๊กไปหา น.ส.ส้ม เพื่อแจ้งว่าตนถูกจับ ปรากฏ น.ส.ส้ม ได้พิมพ์ข้อความตอบกลับมาว่า "ซื้อเฟซบุ๊กต่อมา ไม่ทราบเรื่องว่าผู้ใช้คนเก่าใช้ทำอะไรมา " และอีกประมาณ 1 – 2 อาทิตย์ เฟซบุ๊กดังกล่าวที่ น.ส.ส้ม เคยใช้คุยกับตนก็ทำการปิดกั้นเฟซบุ๊กตน ทำให้ไม่สามารถติดต่อ น.ส.ส้ม ได้อีกเลย จนมาถูกจับกุมในครั้งนี้ ส่วนบัญชีธนาคารที่เคยรับจ้างเปิดมาแล้วประมาณ 4 บัญชี
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติคดีในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า น.ส.กาญจนาพร เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีในฐานข้อมูล จำนวน 3 คดี ประกอบด้วย
1. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงดอนเมือง ที่ จ.135/2565 ลงวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ " สถานะถูกจับกุม
2.ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 345/2566 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ " สถานะถูกจับกุม
3. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 709/2566 ลงวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ "
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว น.ส.กาญจนาพร นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ปทุมธานีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. แจ้งเตือนภัยประชาชนว่า โทษกรณีการเปิดบัญชีม้า มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ