191 รวบหนุ่มลอบขาย 'ซิมผี' ลงทะเบียนแล้วขายผ่านออนไลน์ยึดกว่า 1.4 พันเบอร์
ตำรวจ 191 รวบหนุ่ม 41 ลักลอบขาย "ซิมการ์ดโทรศัพท์" ที่มีการลงทะเบียนไว้แล้ว หลังสืบทราบมีการประกาศขายผ่านทางออนไลน์
15 ม.ค. 2567 ตำรวจงานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล จับกุมนายชัยยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ลักลอบขายซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จดทะเบียนเปิดเบอร์โดยไม่ถูกต้อง ซึ่งซิมการ์ดที่ผิดกฎหมายสามารถสั่งซื้อได้จากแอปพลิเคลชั่นออนไลน์ โดยจับกุมได้บริเวณลานชั้นรถ โรงภาพยนตร์ ย่านรัชโยธิน เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2567 พร้อมของกลางเป็นซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 1,465 ซิม
ก่อนจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนหาข่าว งานสายตรวจ ๒ กก.สายตรวจ ได้ทำการสืบสวนหาข่าวการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประกอบกับได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีผู้ใช้ เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ทำการลงโฆษณาทางสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กในกลุ่ม "ขายซิมพร้อมลงทะเบียน/ทุกเครือข่าย" ลักษณะเป็นธุระจัดหา ซื้อหรือขายซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนแล้ว
ซึ่งซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนในนามของผู้อื่นแล้ว อาจถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดได้ จากนั้นจึงได้รายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบและผู้ติดตามจับกุม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการติดต่อล่อซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนแล้วจำนวน 1,000 ซิมการ์ด ในราคาซิมละ 40 บาท เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท และนัดรับซิมการ์ดดังกล่าว เมื่อถึงเวลานัดหมาย เวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 14 ม.ค. 2567 นายชัยยศ (สงวนนามสกุล) ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปรับซิมการ์ดที่รถยนต์ของนายชัยยศ บริเวณลานจอดรถ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบแล้วเป็นซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วตามที่ได้ทำการติดต่อล่อซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจค้น
สอบถามนายชัยยศ รับว่าเป็นซิมการ์ดเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลอื่น โดยนายชัยยศ (สงวนนามสกุล) สั่งซื้อซิมการ์ดมาในราคาซิมละ 36 บาท นำมาขายต่อในราคาซิมละ 40 บาท แต่ละครั้งจะสั่งซื้อมาจำนวน 1,500 ซิม โดยทำมาแล้วประมาณ 3 เดือน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา "เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขาย เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ (ตามมาตรา 10 , 11 พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566)" และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป