'พระราม 2' อีกแล้ว สลิงรถเครนขาดกระเช้าร่วงพื้น คนงาน ดับ 1 เจ็บ 1
อีกแล้ว อุบัติเหตุรถเครนงานก่อสร้างทางยกระดับ "พระราม 2" เกิดสลิงขาดขณะยกกระเช้าที่มีคนงาน 2 คน ร่วงลงด้านล่าง ความสูงกว่า 10 เมตร เสียชีวิต 1 ราย เจ็บ 1
18 ม.ค. 2567 เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งพื้นที่ก่อสร้างทางยกระดับมอเตอร์เวย์ เอ็ม 82 บริเวณปากซอยพระรามสอง 72 ถนนพระรามสอง ขาเข้า แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร สลิงรถเครนยกกระเช้าคนงานขาด ทำให้กระเช้าตกลงมาด้านล่าง ซึ่งมีความสูงประมาณ 15 เมตร เป็นเหตุให้มีคนงานเสียชีวิต 1 คน ชื่อ นายวิภาค อายุ 44 ปี และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน ชื่อ นายธีรภัทร์ ขันนอก อายุ 24 ปี
โดยเหตุเกิดขณะที่รถเครนกำลังดึงกระเช้านำคนงาน ซึ่งเป็นช่างแมคคาทรอนิกส์ขึ้นไปเปลี่ยนน้ำมันไฮโดรคิคโช๊คคานเหล็กยกเซ็กเมนต์ หรือรางรองรับพื้นถนน ซึ่งก่อนเกิดเหตุนั้นคนงานที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่ได้ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติของเครนและกระเช้าแต่อย่างใด
นายสุชาติ ตงเท่ง อาสาสมัครมูนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่าได้รับแจ้งเหตุจึงรีบเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที พบผู้รับบาดเจ็บ 1 และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุอีก 1 คน จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา เบื้องต้นทราบว่ากระเช้าดังกล่าวไม่ได้เป็นกระเช้าสำหรับบรรทุกคนขึ้นไปด้านบน แต่เป็นกระเช้าสำหรับขนของ
ขณะที่คนขับรถเครนได้เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขึ้นไปขับรถเครนคันดังกล่าวโดยมีนายวิภาค ผู้เสียชีวิต และ นายธีรภัทร์ คนเจ็บ ขึ้นไปบนกระเช้าเพื่อไปเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นโช๊คไฮโดรลิคโช๊คคานเหล็กยกเซ็กเมนต์ โดยระหว่างที่คนงานทั้ง 2 คนอยู่บนกระเช้า ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงความผิดปกติของเครนและกระเช้า จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นคล้ายกับวัตถุหล่นกระทบพื้น ตนจึงได้วิ่งออกจากรถเครนไปดูก็พบว่าสายสลิงกระเช้าขาด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คนจากนั้นจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้กระทำการโดยประมาทแต่อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุ และระบบเซฟตี้ของตัวเครน เพราะช่วงที่กระเช้าขึ้นไปจนสุดระยะเครน 1 ในคนงานได้สื่อสารผ่านโทรศัพท์มาว่าให้นำกระเช้าขึ้นไปให้สูงกว่านี้เพราะยังไม่ถึงจุดโช๊คไฮโดรลิคที่จะไปเปลี่ยนน้ำมัน
เมื่อสอบถามว่าที่ผ่านมาตัวเครนและชิ้นส่วนอื่นมีท่าทีบ่งบอกว่าถึงความชำรุดหรือไม่ ทางคนขับรถเครนบอกเพียงว่าไม่สามารถตอบได้ ต้องการให้ทางบริษัทเป็นผู้ตรวจสอบก่อนว่าเครื่องจักรอยู่ในสภาพที่ชำรุดหรือไม่