'บอยพัทยา' อ้างถูกชุดเก่าคดี 'เป้รักผู้การ' ข่มขู่ กดดัน บังคับเซ็นรับผิด | คมชัดลึก

เมื่อวานนี้ช่วงประมาณ 14.00 น. นายวีระ นาทรัพย์ หรือบอยพัทยา 1 ในผู้ถูกแจ้งความคดีอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กับพวก เรียกรับเงินจากเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ เดินทางมายังกองบังคับการกฎหมายและคดีตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมกับทนายความ เพื่อเข้าพบ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน และ นายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน รับทราบข้อหากล่าวเพิ่มเติม

 

จากนั้นให้สัมภาษณ์ยืนยันได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา เพราะตนไม่เคยกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับขู่เข็ญใคร

ส่วนการทำงานของชุดทำงานชุดแรก นายบอยมองว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกดตังค์ถูกชี้นำ มีการบังคับให้เซ็นรับทราบในสิ่งที่ตนไม่ได้ทำ และยังให้พาดพิงบุคคลอื่นด้วย ซึ่งตนเคยร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว แต่กลับไม่มีโอกาสได้ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น 

 

นายบอย กล่าวต่อว่า วันนี้ตนรู้สึกดีใจที่เปลี่ยนชุดทำงาน และได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาถูกข่มขู่มาตลอด ธุรกิจเสียหาย ไปไหนมาไหนรู้สึกอับอาย แถมคนรอบข้างที่ไม่เกี่ยวข้องยังเกือบซวยไปด้วย ทั้งนี้ยอมรับก่อนหน้านี้ออกนอกประเทศไปจริง ไปทำธุรกิจ แต่ตอนนั้นยังไม่มีหมายจับ พอกลับมาไทย ทราบว่ามีหมายจับ จึงประสานขอมอบตัว ซึ่งตนเองก็มั่นใจในชุดทำงานชุดใหม่ และในอีก 15 วัน ตนจะเดินทางมายื่นพยานหลักฐานให้กับพนักงานคณะพนักงานสอบสวน

 

นอกจากนี้ยังยอมรับรู้จักกับผู้การอดีตผู้การชลบุรีแต่ไม่สนิทกัน นับถือเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ เจอกันตามงานสังคมทั่วไป ส่วนนายเป้เพิ่งมารู้จักกันและได้พูดคุยกันบ้าง และรู้ว่านายเป้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรเพียงเท่านั้น ส่วนนายต้นยืนยันว่า รู้จักในที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

ในวันเดียวกันพล.ต.ต.กำพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในความผิดมาตรา 7 ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เบื้องต้นอดีตผู้การชลบุรียังปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมทำเอกสารชี้แจงกลับมาอีกครั้งภายใน 15 วัน

 

สำหรับนายต้น 1 ในผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนอีกราย ซึ่งเป็นตัวการผู้สนับสนุนให้กระทำความผิดทั้งหมด ทั้งการเรียกรับ การกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือการวางแผนต่างๆ นั้น พล.ต.ท.อัครเดช คาดว่าได้หลบหนีไปแล้ว จะให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมต่อไป 

 

นายวัชรินทร์ตั้งเป้าว่าให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องในคดีภายในวันที่ 11 เมษายนนี้ ก่อนจะส่งสำนวนไปยังสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตเพื่อพิจารณาต่อไป