หญิงญี่ปุ่น 'ชิงรถกู้ภัย' ขณะจอดช่วยคนเจ็บหน้า สน.ลุมพินี จนท.ไล่จับทัน
นักท่องเที่ยวหญิงชาวญี่ปุ่น 'ชิงรถอาสากู้ภัย ' มูลนิธิร่วมกตัญญู ขณะจอดช่วยคนเจ็บหน้าโรงพักลุมพินี สุดท้ายถูกสกัดจับคาวงเวียนใหญ่
18 ก.พ. 2567 เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ร.ต.อ.นพภา ทองบ่อ รอง สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี รับแจ้งว่ามีคนร้ายลักรถกระบะ ของอาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู บริเวณหน้าสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพ ฯ เจ้าของรถคือนายพิศุทธิ์ ชูเกลี้ยง อายุ 50 ปี อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จุด สน.ลุมพินี รหัส 02-22-14 ยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าถูกคนร้ายขโมยรถเป็นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็ก ปี 1997 สีขาวข้างรถติดสติ๊กเกอร์มูลนิธิร่วมกตัญญู รหัสลุมพินี 14 ซึ่งจอดรถเปิดไซเลนอยู่หน้าสถานีตำรวจเพื่อน ให้การช่วยเหลือชายต่างชาติได้รับบาดเจ็บอยู่
ปรากฏว่าจู่ ๆ รถถูกขโมยไป จึงเร่งประสานให้กลุ่มอาสากู้ภัยให้ช่วยกันออกตามหา จนสามารถสกัดรถไว้ได้บริเวณวงเวียนใหญ่ ถนนประชาธิปก แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กทม. และจับกุมผู้ก่อเหตุ เป็นหญิงต่างชาติ ทราบชื่อ น.ส.คาซูมิ อายุ 49 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ถูกอาสาร่วมกตัญญูและป่อเต็กตึ๊งร่วมกันสกัดจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.ลุมพินี
จากการสอบถาม นายพิศุทธิ์ อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.กว่าได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุพระนครว่า มีผู้บาดเจ็บจากเหตุทะเลาะวิวาทหน้า สน.ลุมพินี ผู้บาดเจ็บเป็นชายชาวต่างชาติก่อเหตุทุบรถคู่กรณี ตนพร้อมด้วยเพื่อนอาสาฯ อีก1 คน จึงเดินทางมาที่เกิดเหตุ โดยนำรถคันดังกล่าวมาจอด
ระหว่างที่กำลังปฐมพยาบาลให้กับชายชาวต่างชาติที่บาดเจ็บศีรษะแตก และเตรียมนำคนเจ็บไปส่งที่ รพ. ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ปรากฎว่ามีคนงานก่อสร้างมาบอกว่า พบว่าหญิงสาวคนก่อเหตุ ได้เดินไปที่รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อยเวร 30 ที่จอดอยู่หน้ารถกู้ภัยของตน แต่คาดว่าไม่มีกุญแจเสียบไว้ ทำให้ไม่สามารถขับได้ จนมาเปิดรถกู้ภัยตนที่สตาร์ทเครื่องไว้ และเปิดไซเลนค้างไว้ด้วย
โดยคนร้ายขับรถตนออกไปทันที ตนจึงวิ่งไปตามร้อยเวร และสายตรวจ สน.ลุมพินี และแจ้งให้อาสาช่วยกันสกัดรถของตน เนื่องจากเห็นคนร้ายขับรถตนไปอยู่แถวถนนตากสิน จากนั้นเพื่อนอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทราบจากวิทยุจึงขับปาดหน้าสกัดจับได้ที่วงเวียนใหญ่
นายพิศุทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความเสียหายของตัวรถยังไม่พบ รวมถึงทรัพย์สินในรถอยู่ครบ โดยภายในรถจะมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ อาทิ กระเป๋ายา ที่วัดความดัน และวิทยุสื่อสาร โดยหลังเกิดเหตุยังไม่มีการพูดคุยกับทางผู้ก่อเหตุเนื่องจากพูดไม่รู้เรื่องต้องใช้ล่ามแปลภาษามาช่วย ส่วนบาดแผลของผู้ก่อเหตุเกิดจากการล็อคตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ขับหลบหนีไปชนชาวบ้านได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ยอมรับว่าตกใจมากเพราะตั้งแต่ออกรถคันนี้มาเกือบ 15 ปี ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย ส่วนเรื่องทางคดีขอปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อ
ด้าน พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า เบื้องต้นจึงต้องประสานเจ้าหน้าที่สถานฑูตญี่ปุ่นและ ตม.เพื่อขอดูเอกสารการเข้าเมือง ก่อนแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ และหลบหนีเข้าเมือง เนื่องจากทางผู้ต้องหาไม่สามารถนำเอกสารวีซ่ามาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้