ตำรวจจับแก๊ง 'แชร์ลูกโซ่' กาแฟ CASHBACK เสียหาย 3,000 ล้าน
ตำรวจ CIB จับกุมผู้ร่วมขบวนการ 'แชร์ลูกโซ่' กาแฟ CASHBACK หลอกสมัครสมาชิกกว่า 85,000 บัญชี มูลค่าเสียหาย 3,000 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ.,พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี, พ.ต.ท.วิวัฒนชัย คลื่นแก้ว, พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ, พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ รอง ผกก.5 บก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ มอญรัต สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมด้วย ด.ต.คัมคุณ บุญครอบ, ด.ต.อติกันต์ เปรมสุข, ด.ต.ศุภชัย เอกจีน, ด.ต.ชัยวัฒน์ เขียวอิ่ม, ด.ต.ปริญญา ดำชุม, จ.ส.ต.เจษฎา สายติ๊บ ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม นายคชภัคฯ อายุ 39 ปี ได้ที่ลานจอดรถคอนโดแห่งหนึ่ง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังร่วมหลอกลงทุนด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟ CASHBACK
พฤติการณ์ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2561 มีกลุ่มขบวนการชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟ CASHBACK โดยให้ผู้สมัครหาสมาชิกเพิ่ม โดยมีเงินส่วนแบ่งให้ จากจำนวนสมาชิกที่เข้ามาสมัครในสายงาน เป็นวิธีการที่ตำรวจพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุใช้หลอกลวงผู้เสียหายในลักษณะ "แชร์ลูกโซ่" โดยการหลอกลวงในครั้งนี้พบว่า ขบวนการนี้มีจัดงานเปิดตัว ซึ่งงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้เชิญสื่อมวลชนและพบมีการอ้างชื่อหน่วยงานราชการ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้สนับสนุน ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อ และร่วมลงทุนจำนวนมาก
สำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ให้ผู้เสียหายสมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์ ขั้นต่ำรายละ 1,000 บาท โดยผู้สมัครจะได้รับรหัสสมาชิกและกาแฟฟรี 3 กล่อง จากนั้นสมาชิกสามารถนำกาแฟไปขายต่อ ในราคาที่บริษัทกำหนด จะได้กำไรเพิ่ม 1,000 บาท หากสมาชิกคนใด ต้องการได้กำไรเพิ่ม สามารถลงทุนด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์ไปขาย หรือหากไม่ต้องการขายผลิตภัณฑ์ ให้สมาชิกหาคนมาร่วมลงทุน ซึ่งบริษัทจะจ่ายเงินส่วนแบ่งให้ 10 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนเงินของสมาชิกใหม่ที่หามาได้ ทุก 5 วัน ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อสมัครกว่า 85,000 บัญชี
จากนั้นผ่านไป 1 เดือน บริษัทกลับแจ้งในเว็บไซต์ว่า ไม่สามารถจ่ายเงินให้กับสมาชิกได้ พร้อมขอคืนเงินทุนให้และตั้งกติกาใหม่โดยขอเงินทุนเป็น 20% แบ่งจ่าย 4 รอบ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครได้รับเงิน และเว็บไซต์ดังกล่าวก็ถูกปิด นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่สมาชิกว่าหากแจ้งความจะไม่จ่ายเงินให้ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 3,000 ล้านบาท ทำให้มีผู้เสียหายเครียดหนักจนเสียชีวิตถึง 3 ราย
จากการสืบสวนพบว่า ขบวนการมีการแบ่งหน้าที่กันทำหลายหน้าที่ เช่น กลุ่มผู้สั่งการ กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มพนักงานทำหน้าที่ดูแลระบบและบัญชี ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ทำหน้าที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ โดยทำหน้าที่กรอกข้อมูลของลูกค้าที่มาซื้อกาแฟที่บริษัท ซึ่งมีกระแสเงินสดในแต่ละวันจำนวนหลายล้านบาท
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหารายนี้หลบหนีเป็นเวลากว่า 5 ปี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามจับกุมทราบว่าคนร้ายไม่มีที่อยู่เป็นหลังแหล่ง จะเปลี่ยนที่พักอาศัยไปเรื่อยๆ และมีหลบหนีไปอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนจังหวัดจันทบุรี จึงเฝ้าติดตามเรื่อยมา จนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาจะเดินทางมาที่จังหวัดสมุทรปราการ จึงจัดกำลังไปเฝ้าติดตามตามจุดต่างๆ ที่คิดว่าผู้ต้องหาน่าจะไป จนกระทั่งพบตัวและจับกุมตัวได้ในที่สุด
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัยประชาชนว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพมักโฆษณาชักชวนลงทุนในหุ้นหรือคริปโท หรือขายสินค้าผ่านช่องทางเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย รวมถึงกรณีมีคนใกล้ตัวหรือคนรู้จักมาชวนให้ลงทุน อ้างว่าให้ผลตอบแทนสูงได้ในเวลาอันรวดเร็ว และหากชวนคนอื่นได้ก็จะมีโบนัสเพิ่ม เมื่อถึงจุดที่ไม่สามารถหาสมาชิกใหม่ได้เพิ่มจนไม่สามารถจ่ายเงินได้ หรือได้เงินจำนวนมากเพียงพอแล้ว ก็จะหลบหนีไปสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยมี 4 ข้อสังเกตดังนี้
1. ให้ผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น
2. การันตีผลตอบแทน
3. เร่งรัดให้ตัดสินใจ
4. อ้างว่าใครๆ ก็ลงทุน