เจาะ เส้นทางการเงิน ‘เว็บพนัน BNKMaster’ ทำไมถึงโยง ‘บิ๊กตำรวจ’

สปอร์ตไลท์ส่องไปที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) อีกครั้ง เมื่อ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอหมายจับกลุ่มนายตำรวจ 4 นาย และพลเรือน 1 คน  ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542  มาตรา 5,9,10 เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา

 

โดย ศาลอาญา อนุมัติหมายจับ ตำรวจยศ พ.ต.อ. 1 นาย ส.ต.อ. 2 นาย และพลเรือน 1 คน ขณะที่ บิ๊กตำรวจยศใหญ่ ระดับ พล.ต.อ. ให้ออกหมายเรียกแทน เนื่องจากเป็นนายตำรวจระดับสูง

 

การขออนุมัติหมายจับดังกล่าว สืบเนื่องจาก เส้นทางการเงิน มันฟ้อง เป็นการขยายผลจับกุม จากคดีจับ เว็บพนันออนไลน์ BNKMaster ท้องที่ สน.เตาปูน เมื่อปลายปี 2566

 

จากความผิดที่ศาลอนุมัติหมายจับ และ ให้ออกหมายเรียก ฐานสมคบกันฟอกเงิน และ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน นั่นหมายความว่า จะต้องมี เส้นทางการเงิน โยงใยมาถึง

ทำให้เกิดคำถามว่า เส้นทางการเงิน โยงถึง บิ๊กตำรวจ จริงไหม และโยงได้อย่างไร ?

 

ข้อมูลเชิงลึก พบว่า จากการจับกุม เว็บพนันออนไลน์ BNKMaster ของชุด PCT หรือ POLICE CYBER TASKFORCE หรือ ชุดปฏิบัติการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เมื่อปลายปี 2566

 

ครั้งนั้น หลังจับกุม ชุด PCT ส่งไม้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน เจ้าของท้องที่ดำเนินคดี โดยมีการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหารวม 7 คน ในจำนวนนี้ มีตำรวจ ยศ พ.ต.ท. 1 นาย รวมอยู่ด้วย

 

การสืบสวนสอบสวนขยายผล ตรวจสอบ เส้นทางการเงิน จากผู้จัด เว็บพนันออนไลน์ BNKMaster ผู้รับเงินจาก เว็บพนันออนไลน์ BNKMaster และ บัญชีม้า ถูกดำเนินการทันที

 

จากนั้น มีการขออนุมัติหมายจับ บัญชีม้า นับ 10 คน ที่เกี่ยวโยงกับ เว็บพนันออนไลน์ BNKMaster หลายวง

 

การขยายผลดำเนินการต่อมาเรื่อยๆ กระทั่ง เส้นทางการเงิน ชี้มาที่ 4 บิ๊กตำรวจกับลูกน้อง รวมถึง พลเรือนอีก 1 ราย ที่คล้ายกับเป็นปลายทางในการทำธุรกรรมต่างๆ

โดยพบพฤติกรรมการดำเนินการ แบ่งหน้าที่กันชัดเจน นายตำรวจคนหนึ่ง ทำหน้าที่ดิวกับคนจัดให้มีการเปิด เว็บพนันออนไลน์ และติดต่อกับผู้จัดเว็บพนันออนไลน์

 

จากนั้น นายตำรวจคนนี้ ได้ ยิงตรงส่งต่อ บัญชีม้า ให้กับตำรวจคนสนิท บิ๊กตำรวจ ในฐานะพ่อบ้าน ที่ถูกดำเนินคดี ฐานสมคบกันฟอกเงิน ไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

โดยมีการทำธุรกรรมหลายร้อยครั้ง ในปี 2566-2567 นำเงินจาก บัญชีม้า ไปใช้จ่าย ทำธุรกรรมต่างๆให้กับ ลูกพี่หรือ บิ๊กตำรวจ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ

 

ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารักษาพยาบาล กรมธรรม์ประกันชีวิตหลายฉบับ เงินบริจาคเข้าวัด ค่าเครื่องบินให้กับเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยหนึ่ง และพบว่ามีภรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยนี้ ที่ต่อมาได้เข้าทำงานในกรมปทุมวันด้วย

 

ส่วน ตำรวจที่เป็นลูกน้อง 2 นาย ที่ถูกออกหมายจับด้วย พบว่า ทำหน้าที่ ถอนเงินจากบัญชี เป็นเงินสด มาให้ส่งต่อให้กับ ผู้เป็นนาย โดยมีการนัดแนะจุดให้มารับเงิน

 

รวมยอดเงินที่ นายตำรวจในฐานะพ่อบ้าน นำเงินจาก บัญชีม้า โอนเป็นค่าใช้จ่าย ในลักษณะดำเนินการแทน บิ๊กตำรวจ รวมถึงยอดเงินที่ลูกน้องทำหน้าที่เบิกถอนเงินสดมาให้เจ้านาย ตั้งแต่ปี 2566-2567 ประมาณ 15 ล้านบาท

 

พฤติกรรมต่างๆเหล่านี้ ทำให้มีการเสนอ ศาลอาญาขออนุมัติหมายจับ 3 ตำรวจ และเตรียมออกหมายเรียก 1 บิ๊กตำรวจ กับพลเรือนอีก 1 คน ฐานสมคบกันฟอกเงิน และ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน

 

จากนี้ ทั้ง ผู้กล่าวหา และ บิ๊กตำรวจกับลูกน้อง ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ต้องนำพยานหลักฐาน เข้าพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม

 

ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของ พยานหลักฐานพฤติการณ์ความผิด กับ พยานหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ที่ต้องติดตาม!