'ทนายตั้ม' อ้างหลักฐานแฉเส้นทางส่วยโยง 'บิ๊ก ตร.'
'ทนายตั้ม' เปิดหลักฐานเส้นทางเงินส่วย โยงญาติ 'บิ๊ก ตร.' พบรายรับกว่า 100 ล้านบาทต่อเดือน ยันไม่ได้รับงานใครมา พร้อมเดินหน้าประสาน 'บิ๊กเต่า' นำข้อมูลเข้าแจ้งความ 28 มี.ค. นี้
26 มี.ค. 2567 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ตั้งโต๊ะแถลงเปิดโปงขบวนการส่วย เชื่อมโยงบิ๊กตำรวจระดับนายพล พร้อมเปิดหลักฐานเส้นทางการเงิน ภาพกล้องวงจรปิด สลิปการโอนเงิน และแชตข้อความต่างๆ โดยมีตำรวจที่มีความเชื่อมโยงตำรวจหลายระดับ รวม 3 นาย ได้แก่ ดาบยาว ,รองฟาง และบิ๊ก ต.
ทนายตั้ม ระบุว่าก่อนหน้านี้ บิ๊ก ต. ซึ่งมีอำนาจในการดูแลหน่วยงานในสังกัด 3 หน่วย คือ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) , กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) และ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานมีการตีตั๋ว เรียกรับส่วย จาก 18 ธุรกิจสีเทา
ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นสาย รวม 5 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย แต่ละสายจะมีหัวหน้าชุดหรือเรียกว่า "แม่บ้าน" ทำหน้าที่เก็บรวบรวมส่วยผ่านบัญชีม้า รวม 3 บัญชีหลัก นอกจากนี้ ยังมีบัญชีอื่นๆ ด้วย ซึ่งบางบัญชีพบว่า เจ้าของบัญชีเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังคงมีการทำธุรกรรมอยู่
โดย "แม่บ้าน" แต่ละสาย จะรวบรวมส่วยทั้งหมดที่ได้ส่งต่อไปยังบัญชีม้า 2 บัญชี จากนั้นจะมีการโอนเงินจากทั้ง 2 บัญชีส่งไปอีกบัญชี ก่อนจะโอนเงินต่อไปยังบัญชีภรรยาของ "รองฟาง" รวมถึงมีการโอนเงินไปยังบัญชีญาติของบิ๊ก ต. โดยในแต่ละสายจะส่งยอดส่วยเดือนละ 8-9 ล้านบาท และหลังจากนั้นจะรวบรวมส่งไปยังระดับสูงสุด รวมเดือนละกว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ เส้นทางการเงินยังพบว่ามีการโอนต่อไปยังสื่อมวลชนอีกด้วย
ทนายตั้ม ยังเปิดเผยเกี่ยวกับเส้นเงินของบัญชีม้ารายหนึ่ง เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2566 มีการโอนเงิน 2 ครั้ง ยอดรวม 700,000 บาท เข้าบัญชีทอดกฐิน สร้างวิหารวัดดังวัดหนึ่งในจ.นนบุรี โดยมี ชื่อของ บิ๊ก ตร. เป็นประธานในพิธีด้วย
ทนายตั้ม ยังยืนยันอีกว่า ในการนำข้อมูลมาเปิดเผยครั้งนี้ ไม่ได้รับงานใครมาและไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง แต่ต้องการให้สังคมรับรู้ข้อมูล แม้จะรู้ว่าอาจได้รับอันตรายจากการออกมาเปิดเผย แต่ยอมรับว่า ก่อนจะมีการแถลงข่าว ได้มีนายตำรวจใหญ่ติดต่อมาเพื่อขอทราบข้อมูล แต่ไม่ได้ขอให้ยกเลิกหารแถลงข่าว รวมถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็โทรศัพท์มาขอให้ยกเลิก เนื่องเกรงว่าจะส่งกระทบทำให้ไม่ได้กลับเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ตนเองยืนยัน จะนำข้อมูลมาเปืดเผย
ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว ทนายตั้มยังได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เพื่อประสานนักหมาย นำเอกสารหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความในวันพฤหัสบดี ที่ 28 มีนาคม เวลา 11.00 น.
อย่างไรก็ตาม หากนายเศรษฐา ทวีวิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เห็นการแถลงข่าวและเห็นว่าข้อมูลที่นำมาเปิดเผนมีประโยชน์ ต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติม ก็ยินดีจะเข้าไปพบด้วย