เปิดแผนสลับซับซ้อน 'ตีนแมว' แสบเลียนแบนหนังฮอลลีวูด ลักทรัพย์กทม.-ปริมณฑล | คมชัดลึก

20 เม.ย. 2567 ตำรวจสืบสวน สภ.บางแก้ว แกะรอยกล้องวงจรปิดติดตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุ ลักทรัพย์ภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ  ได้ทรัพย์สินทั้งนาฬิกายี่ห้อดัง ,แหวนเพชร ,สร้อยข้อมือทองคำ ,เงิน ,กล้องวงจรปิดที่ติดภายในบ้านที่เกิดเหตุ 4 ตัว รวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2567 

 

จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว พบว่าคนร้ายรายนี้ ชายลักษณะสวมหมวกแก๊ปสีดำ สวมแมสสีดำปิดบังใบหน้า สวมเสื้อแขนยาวสีกรมท่า สะพายกระเป๋าเป้สีเทา สวมกางขายาวสีดำ และสวมรองเท้าผ้าใบ สีขาวดำ ขณะอยู่ในที่เกิดเหตุ 

 

 

 

 

 

ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้เดินทางมาจากซอยลาดพร้าว 128/2 โดยเดินทางด้วยรถเมล์ มาลงที่บริเวณหน้า ย่านบางกะปิ จากนั้นได้เดินทางต่อด้วยรถตู้ สายบางกะปิ -ปากน้ำ มายังห้าง ย่านถนนศรีนครินทร์ จากนั้นได้เดินทางต่อด้วยรถสองแถวสาธารณะโดยสับเปลี่ยน รถสองแถวจำนวน 3 คัน แล้วจึงเดินไปยังที่เกิดเหตุ 

 

หลังจากก่อเหตุคนร้ายได้เดินเท้าระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นได้โดยสารด้วยรถจักรยานยนต์รับจ้างมาลงบริเวณปากซอยหมู่บ้านแห่งหนึ่งพื้นที่บางพลี แล้วโดยสารด้วยรถแท็กซี่ มาลงบริเวณบางแก้ว จากนั้นได้โดยสารรถแท็กซี่อีกคันไปลงบริเวณวัดศรีเอี่ยม แล้วขึ้นโดยสารรถเมล์ ไปลงบริเวณบางะปิและ ขึ้นรถแท็กซี่ไปยังที่พัก  ภายในซอยลาดพร้าว 128/2 โดยระหว่างเดินทางคนร้ายได้สวมหมวกและมาสก์ปกปิดใบหน้าตลอดเวลา 

 

 

 

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุ รายนี้ คือนายอัฐพล หรือตี๋ อายุ 32 ปี พนักงานสอบสวนสภ.บางแก้ว ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ 

 

 

 

 

กระทั่งคืนวันที่ 19 เม.ย. 2567 เจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่า นายอัฐพล หรือตี๋ พักอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สส.ภ.4 ทำการจับกุม

 

 

จากการสอบถามนายอัฐพล หรือตี๋ ผู้ต้องหา ให้การรับว่าตนได้เข้าไปทำการก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านดังกล่าวจริง โดยทรัพย์สินที่ได้มาตนนำไปขายแล้วนำเงินไปเล่นการพนันออนไลน์ ส่วนสาเหตุที่ใช้รถสาธารณะและสับเปลี่ยนรถหลายคันก่อนและหลังก่อเหตุเนื่องจากต้องการให้เป็นการยากในการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้เลียนแบบมาจากหนังฮอลลีวูดแนวโจรกรรม 

 

 

 

 

นอกจากนี้ อัฐพล ผู้ต้องหา ยังให้การเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา ได้เข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์บ้านหลังหนึ่ง  ในพื้นที่สภ.บางแก้ว และว่าเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2567 ได้เข้าไปทำการลักทรัพย์ในพื้นที่ มีนบุรี ได้ทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณ น้ำหนักประมาณ 10 บาทและก่อเหตุลักทรัพย์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครอีกหลายพื้นที่ โดยจำสถานที่ก่อเหตุและวันเวลาไม่ได้

 

 

 

จึงแจ้งข้อหากับนายอัฐพล กระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์โดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ มอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นใดเพื่อไม่ให้จำหน้าได้และทำให้เสียทรัพย์”

 

จากตรวจสอบประวัติอาชญากรรมนายอัฐพล หรือตี๋ พบมีประวัติเคยกระทำผิด ดังนี้

1.ข้อหา "ทำอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยมิได้อนุญาต"เมื่อปี 2551 ที่ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม 

2. ข้อหา "ลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ" เมื่อปี 2557 ที่ สน.นิมิตรใหม่  

3. หมายจับ ข้อหา ไตัวการในข้อหาลักทรัพย์" เมื่อปี 2561 พื้นที่ สน.ฉลองกรุง