อดีตผู้บริหารหญิง รับเมาแล้วขับ แจงยิบ ปมถีบหน้ารอง ผกก. ยันคดีปี 65 ไม่ดื่ม

กรณี อดีตผู้บริหารหญิง บริษัทชั้นนำ แห่งหนึ่ง ขับรถหรู ถูก ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ได้104 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด ก่อนที่จะมีประเด็นของ ถีบหน้า พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก.5 บก.จร. เจ้าหน้าที่ประจำ ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ขณะคุมตัวเธอขึ้นรถ รวมทั้งมีการใช้ถ้อยคำรุนแรงกับตำรวจเมื่อเดินทางไปถึงหน้า สน.ประเวศ อาทิ ชั้นต่ำ 

 

ล่าสุด อดีตผู้บริหารหญิง ได้ชี้แจงเรื่องราวผ่านรายการ โหนกระแส โดยได้กล่าวว่า ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด และถูกบิดเบือนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งยังได้ชี้แจงเรื่องของ คดีเมาแล้วขับเมื่อปี 2565 

ยอมรับ เมาแล้วขับ จริง 

 

อดีตผู้บริหารหญิง กล่าวว่า เธอยอมรับในเรื่องของการดื่มแอลกอฮอล์เกินปริมาณที่กำหนด แต่บางเรื่องไม่ใช่ข้อเท็จจริง พร้อมกับชี้แจงว่า วันเกิดเหตุที่ 24 เม.ย. ได้ไปดินเนอร์และเลิกดึก และได้เจอกับด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แถวบ้าน และเป่าแอลกอฮอล์ทันที พบเกินถึง 108 และเป่าอีกรอบเป็น 104 ตอนลงจากรถ ก่อนตำรวจจะชี้ไปยังผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ในมุมมืด และไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบ 

 

ต่อมาตำรวจได้เชิญตัวของ อดีตผู้บริหารหญิง ไปที่โรงพัก จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าก่อนหน้านี้ให้เดินไปหาชายสองคนที่อยู่ในมุมมืดทำไม พร้อมกับบอกว่าในตอนนั้นเะอเป็นห่วงลูกที่อยู่บ้าน และตำรวจให้คำตอบม่ได้ว่าทำไมจึงให้เดินไปหาชายนอกเครื่องแบบสองนั้น และมองไปที่โต๊ะทำงานของตำรวจพบห้ามถ่ายคลิป จึงลองหยิบมือถือขึ้นมา เพื่อหวังให้คลายความสงสัย แต่ตำรวจก็บอกให้ไปโรงพักเลย

 

อดีตผู้บริหารหญิง เล่าในรายการอีกว่า เจ้าหน้าที่พยายามจับกุมและล็อกแขนด้วย ตอนถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจ เหมือนเจ้าหน้าที่ทำรุนแรงเกินไป และควรมีตำรวจหญิงในด่าน เพราะตนเป็นผู้หญิงคนเดียว หลังจากขึ้นไปบนรถตำรวจ เจ็บตั้งแต่ตอนถูกตำรวจนำตัวมา และถูกแตะตัวด้วย ตอนนั้นไม่โอเคกับคนกลุ่มนี้ โดยถูกผลักให้ขึ้นมาบนเบาะหลัง ซึ่งตำรวจล็อกเท้าให้และดันหัวตนเข้าไปในรถก่อน เป็นจังหวะที่ตำรวจก้มหัวเข้ามา ตอนนั้นคิดว่าต้องปกป้องตัวเองและคิดว่าต้องดิ้นให้หลุดจากการล็อก ประกอบกับส่วนตัวเคยเป็นโควิดและมีปัญหาเรื่องการหายใจด้วย จึงต้องปกป้องตัวเอง เธอกล่าว 

ถีบหน้ารองผู้กำกับ 

 

อดีตผู้บริหารหญิง เล่าเหตุการณ์นี้ว่า เหตุการณ์ขณะนั้นเธออยู่ในรถตำรวจ ที่ถูกตำรวจนำตัวไป เธอพยายามสู้และดิ้น เพราะขณะนั้นเหมือนโดนรุม โดยตอนนั้นคล้ายถีบไปโดน และรู้สึกเหมือนมีอะไรมาโดนเช่นกัน เป็นของแข็งบางอย่าง แต่ไม่รู้เจตนาหรือไม่ ซึ่งมีคลิปส่วนนี้ แต่ขอไปสู้ในชั้นศาล

อดีตผู้บริหารหญิง ยืนยันว่า ฝ่ายตำรวจก็มีสวนด้วย เป็นการกระทำโดยมิชอบ ก่อนมาถึงโรงพักก็มีตำรวจนายหนึ่งพูดไม่ดีก่อน ทำให้ตนพูดคำว่าชั้นต่ำไป ซึ่งชั้นต่ำเป็นการพูดถึงพฤติกรรมคนมากกว่า

หลังเกิดเหตุได้โทร.ไปขอโทษรองผกก.แล้ว แต่รองผกก.บอกไม่ให้ไปบอกใครหรือผู้สื่อข่าว ก่อนมีคลิปเหตุการณ์ออกมา จึงโทร.ไปถามตำรวจปล่อยคลิปทำไม ตำรวจยืนยันไม่ได้ปล่อย โดยตำรวจนายนี้บอกไม่ชอบออกสื่อ อดีตผู้บริหารหญิง กล่าว 

 

เมาแล้วขับปี 65 แค่ สเปรย์แอลกอฮอล์ป้องกันโควิด 

 

สำหัรบประเด็น เมาแล้วขับเมื่อปี 2565 อดีตผู้บริหารหญิง เผยว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงการระบาดของ โควิด19 ทำให้พกสเปรย์แอลกอฮอล์ในการป้องกันโควิด ซึ่งปกติจะฉีดเยอะ เพราะมีลูกเล็กด้วย วันเกิดเหตุไปเจอด่าน โดยตนฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่เครื่องเป่าก่อน พบเกินและขึ้นมา 69 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทำให้สงสัยเป็นเพราะสเปรย์แอลกอฮอล์ที่ฉีด เนื่องจากไม่ได้ดื่มมา ก่อนส่งเรื่องมายังโรงพักและเล่าเรื่องให้ฟัง โดยมีการส่งผลไปตรวจสอบ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : โหนกระแส