ตำรวจภาค 1 ทลายโกดังเหลือเชื่อสุพรรณ ยึดยาบ้าอัดเม็ด-ผง มูลค่าเกือบ 76 ล้าน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วย หน่วยข่าวกรองทางทหารศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ทีมโกดังเหลือเชื่อ สุพรรณบุรี ยึดยาบ้า 4,564,000 เม็ด และยาบ้า (ผงรออัดเม็ด) หนักประมาณ 18 กิโลกรัม มูลค่ารวมกว่า 76,500,000 บาท  

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 2 และเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายสนธยา หรือสน พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 1,490,000 เม็ด ที่บริเวณถนนสายบางบัวทอง - สุพรรณบุรี ฝั่งมุ่งหน้าไปอำเภอบางบัวทอง หมู่ 3 ตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี จากการสืบสวนขยายผลจากการจับกุมดังกล่าวทำให้ทราบว่ามีกลุ่มผู้กระทำผิดที่ทำหน้าที่รับยาเสพติดจากกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ แล้วมาเก็บไว้ในพื้นที่ภาคกลางเพื่อรอจำหน่าย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้สืบสวนจับกุมให้ได้

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้รับยาเสพติดจาก ผู้ลำเลียงได้นำมายาเสพติดมาซุกซ่อนไว้ที่บริเวณบ้านแห่งหนุ่งในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ด้านหน้าติดถนน ส่วนด้านหลังเป็นโรงสีร้าง จึงได้กระจายกำลังกันเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 19.20 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา ขับเข้าไปจอดที่บริเวณโรงสีร้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปแสดงตนเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่นายสมประสงค์ หรือเอก ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ได้วิ่งลงจากเข้าไปภายในบ้านหลังดังกล่าว ชุดจับกุมจึงได้ติดตามไปควบคุมตัวไว้ได้ และเข้าตรวจค้นภายในบ้าน พบนายทัชชกร หรือโหน่ง ซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณชั้น 4

จากการตรวจค้น พบของกลาง ยาบ้าจำนวน 4,298,000 เม็ด อยู่ภายในรถยนต์เก๋งที่จอดอยู่บริเวณโรงสีร้างหลังบ้าน , ยาบ้าจำนวน 136,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งภายในหัวเก๋งของรถยนต์บรรทุกสิบล้อที่อยู่บริเวณโรงสีร้างหลังบ้าน , ยาบ้าลักษณะเป็นผงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส น้ำหนักประมาณ 6 กิโลกรัม อยู่ในห้องซึ่งสร้างอยู่บริเวณหลังบ้าน , ยาบ้าจำนวน 130,000 เม็ด และยาบ้าลักษณะเป็นผงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส น้ำหนักประมาณ 12 กิโลกรัม โดยวางรวมอยู่กับเครื่องปั่นเม็ดยา อยู่บริเวณหลังบ้าน , เครื่องอัดเม็ดยา จำนวน 1 เครื่อง ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องชั้น 3 ของบ้าน รวมถึงยึดรถยนต์กระบะแบบแคป 1 คัน , รถยนต์เก๋ง 1 คน รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ 4,564,000 เม็ด และยาบ้า (ผงรออัดเม็ด) หนักรวมประมาณ 18 กิโลกรัม

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองรายรับสารภาพในข้อหาครอบครองยาเสพติด และยอมรับว่าแท่นผลิตดังกล่าวอยู่ในครอบครองของตนเอง แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาผลิต จึงยังไม่มีข้อมูลมากนัก แต่จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ต่อไป 

ส่วนยาที่ตรวจยึดได้ในคดีก่อนหน้านี้มาจากภาคเหนือ ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตดังกล่าว เบื้องต้น คาดว่าแท่นผลิตนี้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอาจประกอบด้วยตนเองไม่ได้นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากไม่มีความซับซ้อนและมีขนาดเล็ก มีทั้งหมดเจ็ดหัวตอก ตอกได้ครั้งละเม็ด อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีกำลังการผลิตนาทีละกี่เม็ด และเนื่องจากเครื่องดังกล่าวมีน้ำหนักมาก แม้จะสามารถบรรจุใส่ในรถยนต์ได้แต่คาดว่าจะใช้ผลิตภายในบ้านมากกว่า ส่วนผสมยา เบื้องต้นพบว่า ใช้ยาบ้าที่เสียหรือขึ้นรามาผสมกับส่วนผสมอื่นเพื่อผลิตในปริมาณที่มากขึ้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าใช้ส่วนผสมอื่นๆใดบ้าง ทั้งสารเสพติด แป้งสีที่ใช้ผสมและสูตรว่ามาจากแหล่งใด รวมถึงตรวจสอบว่า ยาบ้าที่ตรวจยึดได้ผลิตจากแท่นผลิตยาที่ตรวจยึดได้หรือไม่ 

พล.ต.ท.สำราญ ยอมรับว่า เป็นการตรวจพบแท่นปั๊มยาบ้าในรอบหลายปี แต่มั่นใจว่ายังไม่มีการลอกเลียนแบบ สร้างเครื่องปั๊มในลักษณะดังกล่าว และตำรวจมีมาตรการในการตรวจสอบป้องกันได้

ด้านนายอนุทิน คาดว่าการผลิตยาเช่นนี้อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้เสพมากขึ้น เพราะแท่นผลิตยาดังกล่าวจะนำยาบ้าคุณภาพต่ำและส่วนผสมอื่นๆมาผสมในอัตราเท่าตัว เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตยาบ้าจำนวนมาก