ข่าว

'พิมพ์ภัทรา' ลงพื้นที่ 'มาบตาพุด' ขอโทษชาวบ้าน

'พิมพ์ภัทรา' ลงพื้นที่ 'มาบตาพุด' ขอโทษชาวบ้าน

10 พ.ค. 2567

'พิมพ์ภัทรา' รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ 'มาบตาพุด' ขอโทษชาวบ้าน เผยบริษัทจะช่วยส่งลูกผู้เสียชีวิต จนจบปริญญาตรี

จุดตรวจสุขภาพ ที่ศาลาชุมชนตา-กวน ผู้ได้รับผลกระทบจาก ถังแก๊สโซลีน ระเบิด ไฟลุกไหม้

วันที่10พ.ค.2567 กรณีเหตุ ถังแก๊สโซลีน ระเบิด ไฟไหม้ ใน บริษัทมาบตาพุดแทงค์ เทอร์มินอล จำกัด นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ. ระยอง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 5 ราย เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2567

 

เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง น.ส. พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เข้าติดตามสถานการณ์ โดยมี มีนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง รศ.วีริศ อัมรปาล ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ให้การต้อนรับ

โดยฟังสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารบริษัทต้นเหตุ

 

นอกจากนี้ นายสุรินทร์ สินรัตน์ ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน จ.ระยอง ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ รมว.อุตสาหกรรม ใช้อำนาจเร่งรัดสอบสวน และเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริง ของการเกิดเหตุ ไฟไหม้ ทุกครั้งให้กระจ่าง

 

หลังเกิดเหตุแล้ว 3 ครั้ง และขอให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำและการเยียวยาประชาชนที่อพยพโดยด่วน เพื่อสร้างมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ เพราะแม้อยู่ในเขตควบคุมมลพิษ ก็ยังปล่อยให้เกิดเหตุซ้ำซากเกิดขึ้น

เช่นเดียวกับ กลุ่มตัวแทนชาวบ้านชุมชนตา-กวน มายื่นหนังสือเรียกร้อง น.ส. พิมพ์ภัทรา ด้วย

 

น.ส. พิมพ์ภัทรา เปิดเผยภายหลังประชุมว่า ก่อนอื่นต้องขอโทษประชาชนรายรอบ และชาวระยอง และขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยเหลือ สามารถทำได้ตามมาตรการที่วางไว้ คือ การคืนพื้นที่ได้เร็วที่สุด

 

เรื่องสำคัญที่สุด คือ เรื่องของประชาชนที่ประสบภัย รวมถึงผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ ทางบริษัท พร้อมเยียวยา และช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จะมี กนอ.และ จังหวัด ช่วยเหลือ ส่วนเรื่องของวิธีการจัดการ คงจะต้องใช้เวลาว่าเกิดจากสาเหตุใด ต้องให้เวลา  เพื่อให้ผลที่ชัดเจน

 

การเกิดเหตุซ้ำซาก ต้องมีการเข้มงวดกับมาตรการหรือทบทวนแผนป้องกันเหตุต่อไป

 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพื้นที่หลังเพลิงสงบ ไฟได้ไหม้ ถังแก๊สโซลีนไปเพียง1ถังเท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่สแตนบายอยู่ ทั้งการใช้โดรนตรวจจับความร้อน และมีการฉีดน้ำหล่อเย็นตลอดเวลา

 

ในส่วน ผู้เสียชีวิต บ้านเกิดอยู่ จ.เชียงราย ภรรยาทำงานอยู่ในห้างสรรพสินค้า มีบุตรด้วยกัน1คน จึงย้ำให้เยียวยาอย่างเต็มที่ กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งทางผู้บริหารบริษัท ก็ยืนยันจะช่วยเหลือครอบครัว พร้อมส่งลูกเรียนจนจบระดับปริญญาตรี