ข่าว

พี่สาวจวกครอบครัว “ฆาตกร” ไร้คำขอโทษ เร่งตามหามือ 2 ข้างของ “น้องสาว”

“พี่สาว” สุดเศร้าเร่งตามหามือ “น้องสาว” กลับบ้านประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ด้านครอบครัวผู้ก่อเหตุไร้ซึ่งความรู้สึกผิด หมดคำจะพูด

จากกรณี น.ส.วรัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ถูก นายธนากรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ฆ่าตายที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี และนำร่างมาทิ้งใต้ทางด่วนนั้น

 

ความคืบหน้าล่าสุด พี่สาว ของ น.ส.วรัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี  ได้เปิดใจ ว่า วันนี้ แม่ของน้องได้นั่งรถมาจาก จ.อุตรดิตถ์ แล้วมาถึงที่รังสิตประมาณ ตี 5 เพื่ออยากจะมาดำเนินเรื่อง รับศพ ให้กับลูกสาว แล้วพาลูกค้าสาวกลับบ้าน พร้อมกับ อยากเจอครอบครัวของ นายธนากรณ์ ผู้ก่อเหตุ ด้วย แต่คิดว่า คงไม่ได้เจอ เพราะว่า เมื่อวานช่วงค่ำ ตำรวจสภ.ปากคลองรังสิต ได้เชิญแม่ พี่สะใภ้ พี่ชาย นายธนากรณ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะพี่ชายกับพี่สะใภ้อยู่ในคืนเกิดเหตุ และได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก 

พี่สาวจวกครอบครัว “ฆาตกร” ไร้คำขอโทษ เร่งตามหามือ 2 ข้างของ “น้องสาว” ตนก็ถามอีกฝ่ายไปว่า “อยากจะพูดอะไรกับหนูไหม ลูกพี่ทำน้องหนูตาย ” แต่อีกฝ่ายตอบว่า ”ไม่มีอะไรจะพูด“ และพูดทำนองว่า น้องสาวตนยังไม่เห็นพูดอะไรเลย จากนั้นก็เงียบ แล้วเดินออกไป โดยที่ไม่มีคำขอโทษอะไรออกมาจากปากของอีกฝ่ายเลย ทำให้เรารู้สึกว่า หมดคำจะพูด มองว่า หากต่อไป ครอบครัวจะพูดขอโทษ ก็คงไม่จริงใจแล้ว เพราะหากอยากจะขอโทษจริงๆก็คงจะขอโทษตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก

 

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับไม่ได้กับสัมภาษณ์ของพ่อผู้ก่อเหตุที่บอกว่า น้องสาวของเราก็ทำร้ายลูกชายเค้าเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมาลูกชายเขาเป็นคนเล่นแรงมากและน้องสาวตนตัวเล็กนิดเดียว ก็เป็นการหยอกล้อเล่นกันตามปกติ 

ในส่วนของเรื่องคดีความตอนนี้ที่ตำรวจแจ้งมาคือมี 2 ข้อสันนิษฐานที่ตั้งเอาไว้ คือ 1 ผู้ก่อเหตุน่าจะลากน้องสาวของตนเข้าไปในห้องน้ำ ขณะที่น้องสาวกำลังหลับ โดยที่เธอไม่รู้ตัว เนื่องจากว่าน้องสาวของตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและทานยา และประเด็นที่ 2 คือ อาจจะทำร้ายร่างกายกัน จนน้องสาวไม่มีสติ จากนั้น ได้ลากน้องเข้าไปในห้องน้ำ แต่ประเด็นดังกล่าวนี้ ตำรวจบอกว่า เป็นไปได้ยาก เพราะว่า ภายในห้องไม่มีการต่อสู้กันเลย 

 

มองว่าผู้ก่อเหตุ มีสติในขณะที่ก่อเหตุ ดังนั้น ที่บอกว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวช ก็ไม่น่าจะทำให้คดีดูเบาลงได้ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุก็ออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และนอกจากนี้ ในขณะที่รักษาตัว ครอบครัวของผู้ก่อเหตุไม่ได้มาสนใจเลยมีเพียงน้องสาวของตนที่เป็นคนพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องสาวครั้งนี้ผู้ก่อเหตุได้วางแผนมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะว่าตนทราบมาก่อนว่า ก่อนหน้าผู้ก่อเหตุเคยมัดมือมัดเท้าน้องสาวของตนมาก่อน และเคยพูดลักษณะข่มขู่ว่า “ถ้าจากเป็นไม่ได้ ก็ต้องจากตาย” 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ สภาพจิตใจ ของครอบครัวย่ำแย่มาก โดยจุดประสงค์ของครอบครัวคือ ต้องการอยากจะหามือทั้ง 2 ข้างของน้องสาวให้เจอ แล้วจะทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ก่อนที่จะพาน้องกลับบ้านที่จังหวัดอุตรดิตถ์