ข่าว

จับเต็นท์รถรวมหัวลูกค้า ปลอมเอกสารกู้สินเชื่อซื้อรถ

จับเต็นท์รถรวมหัวลูกค้า ปลอมเอกสารกู้สินเชื่อซื้อรถ

07 มิ.ย. 2567

ธนาคารร้อง กองปราบ จับเต๊นท์รถรวมหัวลูกค้า ปลอมเอกสารกู้สินเชื่อซื้อรถ ก่อนเชิดหนีไม่จ่ายค่างวด เสียหายกว่า 20 ล้าน

กองปราบ ทลายแก๊งเต๊นท์รถโคราช ปลอมเอกสาร ยื่นขอสินเชื่อธนาคารออกรถ ก่อนเชิดหนีไม่จ่ายค่างวด เสียหายกว่า 20 ล้าน เปิดปฏิบัติการตามรวบอดีตลูกจ้างรัฐ ตัวการสำคัญ พร้อมผู้เช่าซื้อ เกือบ 30 ราย 

7มิ.ย.2567 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.ป., พ.ต.ท.สุพจน์ น้อยสวรรค์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. พ.ต.ต.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ สว.กก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป. และ ตัวแทนจากธนาคารเกียรตินาคิน ร่วมกันแถลงผลกวาดล้างจับกุมขบวนการปลอมเอกสารยื่นขอสินเชื่อซื้อรถ หลังสามารถจับกุม น.ส.ทิพย์นิดา หรือก้อย วงศ์ศิริขวัญ อายุ 41 ปี กับพวกรวม 29 คน ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม,ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม” โดยจับกุม น.ส.ทิพย์นิดา ผู้ต้องหาตัวการสำคัญของขบวนการได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.10 ต.โคกสูง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนืาองจากเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2566 ธนาคารเกียรตินาคิน ได้ส่งตัวแทนเข้าร้องทุกข์ ว่า ถูกกลุ่มคนนำเอกสารปลอมมายื่นขอสินเชื่อรถยนต์ จนหลงเชื่ออนุมัติสินเชื่อให้ไป ก่อนจะเบี้ยวค้างชำระค่างวดรถ จนสร้างความเสียหายเป็นเงินรวมกว่า 20 ล้านบาท ทั้งนี้จากการตรวจสอบเอกสารและรายละเอียดต่างๆพบว่ามีผู้ใช้เอกสารปลอมมายื่นขอสินเชื่อรวม 34 ราย 

 

พ.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวว่า หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส ก่อนพบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ โดยมี น.ส.ทิพย์นิดา อดีตพนักงานลูกจ้างชั่วคราวการเงินและงบประมาณของหน่วยงานราชการ ที่ปัจจุบันผันตัวมาประกอบอาชีพค้าขายรถยนต์มือสอง อยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เป็นตัวการสำคัญ จับมือร่วมกับผู้ที่ต้องการจะเช่าซื้อรถ ทำเอกสารปลอม อาทิ หนังสือรับรองทำงานราชการ หนังสือรับรองเงินเดือน และรายการเดินบัญชีธนาคาร ให้สอดคล้องกับรายการรับเงินเดือนของผู้เช่าซื้อ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่าผู้เช่าซื้อมีคุณลักษณะตรงตามหลักเกณฑ์ มีอาชีพหลักจริงและรายได้เพียงพอที่จะสามารถผ่อนชำระค่างวดให้กับธนาคารได้ ก่อนนำเอกสารที่ทำปลอมขึ้นมาดังกล่าวไปยื่นขอสินเชื่อต่อธนาคาร

 

พ.ต.ต.อาธิรัตน์ กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบ

ไปยังหน่วยงานราชการที่ออกหนังสือรับรอง พบว่าเป็นเอกสารที่ทำการปลอมขึ้นทั้งหมด และยังพบว่าผู้เช่าซื้อทั้งหมดไม่ใช่เจ้าหน้าที่ราชการ นอกจากนี้พบเจ้าหน้าที่ ที่คอยรับสายโทรศัพท์จากธนาคาร เพื่อรับรองสถานะของผู้เช่าซื้อว่าเป็นพนักงานราชการจริง น่าเชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นในขบวนการนี้อีกด้วย นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้เช่าซื้อบางรายหลังจากได้รับรถไปแล้ว ไม่ยอมชำระค่างวดรถ ทำการเปลี่ยนป้ายทะเบียน หลบหลีกไฟแนนซ์ หรือบางรายก็ได้ขายรถที่เช่าซื้อไปแล้ว จนสร้างความเสียหายให้กับทางธนาคารเป็นอย่างมาก

“จากการตรวจสอบรายชื่อกลุ่มผู้เช่าซื้อ ในช่วงระยะเวลา 5 เดือน พบความผิดปกติว่า ผู้เช่าซื้อมีที่ทำงานเดียวกัน สามารถออกรถได้ถึง 34 คัน บางรายเปิดบัญชีธนาคารมาไม่ถึงเดือน แต่มีรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด 37 คน รวม 67 หมายจับ” พ.ต.ต.อาธิรัตน์ กล่าว 

 

พ.ต.ท.ภานุมาศ กล่าวต่ออีกว่า หลังทราบตัวผู้กระทำผิดแน่ชัด จึงสนธิกำลังร่วมกับ บก.ปคม., บก.ทล. และชุดปราบปรามโจรกรรมรถ บช.ก. เปิดปฏิบัติการ “ทลายขบวนการเต็นท์รถ ปลอมเอกสารหลอกกู้ไฟแนนซ์รถยนต์” นำกำลังกว่า 240 นาย กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 26 จุด ทั่วประเทศ จนนำมาสูการจับกุมตัว น.ส.ทิพย์นิดา และ ผู้กระทำผิดรายอื่นๆได้รวม 29 คน พร้อมกับตรวจยึดหลักฐาน เครื่องคอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ค, โทรศัพท์มือถือ, สัญญาการเช่าซื้อ พร้อมสำเนาคู่มือ, รายการเดินบัญชีเช่าซื้อรถยนต์ เอกสารเกี่ยวกับรถหลายรายการ, แผ่นป้ายทะเบียน 80 ป้าย ในจำนวนนี้พบ 8 ป้าย เป็นป้ายทะเบียนปลอม ขณะเดียวกันยังได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ที่เขื่อว่าได้มาจากการกระทำผิดอีก 24 คัน 

 

ทั้งนี้จากการสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นผู้เช่าซื้อ บางส่วนให้การยอมรับว่า น.ส.ทิพย์นิดา เป็นผู้ดำเนินการทางเอกสารให้ทั้งหมด อีกทั้งบางรายยังยอมรับ ว่าเอกสารที่ น.ส.ทิพย์นิดา ทำขึ้นเป็นเอกสารปลอมทั้งหมด แต่เพราะอยากได้รถจึงจำยอม ส่วนผู้เช่าซื้ออีกกลุ่มหนึ่ง ยืนกรานปฏิเสธ อ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นเอกสารปลอม รับเพียงแค่ว่ามีหน้าที่ลงลายมือชื่อตามคำบอกของ น.ส.ทิพย์นิดา เพียงเท่านั้น 

ขณะที่ในส่วนของ น.ส.ทิพย์นิดา ผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ จากการสอบปากคำตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ยังคงยืนกรานปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป