ข่าว

เปิดอิทธิพล"เสี่ยโจ้ ปัตตานี" โยง "เรือน้ำมันเถื่อน" หายปริศนา ?

เปิดอิทธิพล"เสี่ยโจ้ ปัตตานี" โยง "เรือน้ำมันเถื่อน" หายปริศนา ?

12 มิ.ย. 2567

เปิดอิทธิพล "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนชื่อกระฉ่อน ในอดีต โยง"เรือน้ำมัน"ของกลางหาย จากท่าเทียบเรือสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ 3 ลำ

จากกรณี 12 มิ.ย.2567 เรือน้ำมันของกลางหาย 3 ลำรวดในคืนเดียว พร้อมน้ำมันเถื่อน 3.3 แสนลิตร โดย “พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ” หรือบิ๊กก้อง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้จัดตั้งกรรมการสอบ โดยมอบหมายให้ “พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว” หรือรองเต่า รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางลงพื้นที่ไขคดีโดยด่วน
 

ทั้งนี้ มีข้อมูลสืบสวนเชิงลึก รายงานว่า เรือทั้ง 3 ลำ ที่หายไปนั้น อาจจะเป็นเครือข่ายของ “โจ้ น้ำมันเถื่อน” หรือ “โจ้ ปัตตานี” หนึ่งในขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ที่ยังหลบหนีหมายจับคดีน้ำมันเถื่อน และอีกหลายคดีอยู่ในต่างประเทศ


ทีมข่าวคมชัดลึกออนไลน์ จะพาย้อนรอยอิทธพล "โจ้ ปัตตานี" หรือ เสี่ยโจ้ เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน ที่เคยมีคดีเป็นที่โด่งดังเมื่อปี 2564 ในคดีฟอกเงินค้าน้ำมันเถื่อน โดยถูกตำรวจกองปราบปรามจับได้หลังหนีกลบดาน ย่านห้วยขวาง
 

"โจ้ " หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน อายุ 56 ปี หรือหลายคนรู้จักในชื่อ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปราม และตำรวจสอบสวนกลาง จับกุมตัวได้ขณะนั่งรับประทานอาหารย่านห้วยขวาง คืนวันที่ 4 พ.ย.2567 ในคดีฟอกเงินค้าน้ำมันเถื่อน 

 

คดีนี้ขยายผลมาจากคดีเมื่อปี 2555 เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อน จับกุมเรือลักลอบขายน้ำมันในน่านน้ำ จ.สงขลา พร้อมของกลางเป็นน้ำมัน 2,000 ลิตร และเงินสด 48 ล้านบาท ต่อมายังตรวจพบเอกสารซื้อขายน้ำมันเถื่อนกว่า 10,000 ครั้ง รวมจำนวน 400-500 ล้านลิตร และบัญชีจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ที่บ้านพักของเสี่ยโจ้

ต่อมาพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องและส่งไปยังอัยการสูงสุด จากคดีดังกล่าวทำให้เสี่ยโจ้ ได้รับฉายาว่า "เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน" 

ประวัติของเสี่ยโจ้ ไม่ธรรมดา เคยถูกดำเนินคดีมาแล้วนับไม่ถ้วน 

เริ่มจากคดีเป็นเจ้ามือเล่นการพนันสลากกินรวบ หรือเรียกง่ายๆ ว่าหวยเถื่อน ในปี 2546 จากนั้นตลอด 18 ปี จนถึงปี2564 ก่อนเสี่ยโจ้จะหายตัวไป เสี่ยโจ้ มีคดีอาญาติดตัวไม่ต่ำกว่า 14 คดี ซึ่งหลายคดีเขารอดพ้นความผิดไปแล้ว เพราะคดีขาดอายุความ 
 

ในจำนวนนี้มีคดีสำคัญที่ส่งผลให้ "เสี่ยโจ้" หลบหนีออกนอกประเทศ และใช้หนังสือเดินทางของประเทศเพื่อนบ้านแทน ก็คือคดีปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมในปี 2557 ที่เขาถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 9 เดือน แต่รอดคุกไปได้โดยมีข้อสงสัยว่าตำรวจพาหลบหนี

จากข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เสี่ยโจ้ ถูกดำเนินคดีอาญา 14 คดี ดังนี้

1.คดี 1/2555 แจ้งความอันเป็นเท็จหรือให้ถ้อยคำเท็จต่อเจ้าพนักงานงาน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ คดีนี้พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำให้ขาดอายุความ

2.คดีเล่นการพนันสลากกินรวบ หรือหวยเถื่อน

3.คดีร่วมกันนำของที่ยังไม่ได้เสียภาษีเข้ามาในราชอาณาจักร

4.คดีร่วมกันทำให้เสียหายซึ่งเรือของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึด

5.คดีร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษีเข้ามาในราชอาณาจักร

6.คดีทำขึ้นปลอมขึ้นซึ่งดวงตราประทับสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ

7.คดีเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบซึ่งเสียโจ้มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน

8.คดีตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยได้รับอนุญาต

9.คดีปลอมเอกสาร

10.คดีหลบหนีไประหว่างการควบคุมตัวของเจ้าพนักงานตำรวจ

11.คดีขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน

12.คดีหลบหนีไประหว่างคุมขังตามอำนาจศาล

13.คดีเป็นเจ้าของเรือไม่ได้ติดตั้งระบบติดตามเรือ

14.คดีเรือที่ไม่มีใบอนุญาตทำการประมงแต่ใช้ทำการประมง 

ซึ่งแต่ละคดี ไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่เดียวกันทั้งหมด 

 

ในคดีฟอกเงิน และค้าน้ำมันเถื่อนนั้นยังมีความเชื่อมโยงไปถึงตำรวจเครือข่ายของอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงยศพลโทรายหนึ่งโดยตรวจพบความเชื่อมโยงจากบัญชีส่วยที่เสี่ยโจ้จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่อีกด้วย 
 

ตำรวจใช้เวลานานกว่า 7 ปี ก่อนจะจับตัวเสี่ยโจ้ได้ช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2564
แต่เสียโจ้ที่มีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าวกลับรอดคุก เพราะในตอนนั้น (5 พ.ย.2564) พนักงานอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง  ทำให้จำเป็นต้องปล่อยตัวเสี่ยโจ้เป็นการชั่วคราวก่อน เพราะตำรวจไม่มีอำนาจคุมตัว

ต่อมา 7พ.ย. 2564 กลับพบว่าเสี่ยโจ้มีหมายจับศาลปัตตานีจึงรีบขอหมายค้นตามตัวเสี่ยโจ้ที่บ้านพัก ซึ่งก็ไร้วี่แววและคาดว่าเสี่ยโจ้เดินทางออกนอกประเทศเรียบร้อยแล้ว ทำให้ทั้ง 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ,อัยการ,ศาล ต้องรีบออกมาแถลงชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไร้วี่แววเสี่ยโจ้