ข่าว

"ครู" ไหวพริบเป็นเลิศ ช่วย “ป.6” ถูก "แม่" เมายาทำร้าย

18 มิ.ย. 2567

ไม่ปล่อยผ่าน “ครู” ไหวพริบดี สังเกตเห็นรอยฟกช้ำที่ใบหน้าเด็ก “ป.6” รีบแจ้งเบาะแสให้เพจสายไหมต้องรอดเข้าช่วยเหลือถึงโรงเรียน หลังเด็กบอกว่าถูก “แม่” ทำร้าย ขณะที่ “แม่” โทษลูกแต่ไม่โทษตัวเอง

18 มิ.ย.2567 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้ง เพจสายไหมต้องรอด พร้อมเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ ตำรวจ สน.บางเขน เข้า ช่วยเหลือ เด็กชายชั้น ป.6 อายุ 12 ปี และเด็กชายชั้น ป.4 อายุ 10 ปี สองพี่น้อง ที่ โรงเรียน แห่งหนึ่ง ย่านสายไหม

 

หลังได้รับการร้องเรียนว่า ถูก แม่ ติดยา ทำร้ายร่างกาย ตอนกลางคืน เพื่อนบ้านได้ยินเด็กร้องว่า “แม่ครับผมกลัวแล้วครับ” และยังเห็นว่า ลูก ชายคนโตมีใบหน้าบวมช้ำกระดูกร้าว 

ระหว่างที่ทีมงาน พร้อมด้วยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ที่ โรงเรียน พบแม่ของเด็กเดินทางมารับลูกหลังเลิกเรียน เจ้าหน้าที่ พม. จึงประสานกับ ครู ขอให้แยกตัวเด็กไว้ ไม่ให้แม่รับกลับไป จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน และเจ้าหน้าที่ พม. ได้ตามไปเชิญตัว แม่ มาสอบถาม

 

โดยแม่ของเด็ก ยอมรับว่า ทำร้าย ทุบตี ลูก คนโตจริง แต่ที่ทำเพราะลูกดื้อมาก เลี้ยงยาก มีพฤติกรรมต่อต้าน ตอนกลางคืนจะชอบตื่นมาปลุกกลางดึก แล้วนั่งอุจจาระบริเวณทางเดิน เอาน้ำยาล้างจานมาราดซ้ำ จนตนเดินลื่นล้มหัวฟาด

 

ตนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกทั้ง 2 คนเพียงคนเดียว สำหรับลูกชายคนโต เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ก่อนหน้านี้ก็อยู่ด้วยกันปกติดี

 

แต่ว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลูก คนเล็ก ที่ตอนแรกไปอยู่กับยายหลังตนเลิกกับสามีได้ย้ายกลับมาอยู่ด้วย ตั้งแต่นั้นมา ลูก คนโตก็พฤติกรรมเปลี่ยน เป็นเด็กต่อต้าน ดื้อรั้น ตนพยายามบอก พยายามสอนดีๆ แล้วก็ไม่ฟัง แต่ลูกคนเล็กไม่เป็น

 

รู้ว่าการตีลูกไม่ดี ไม่มีแม่คนไหนอยากตีลูก แต่ลูกตนดื้อแบบที่ไม่มีใครเขาเป็นกัน ตนเลี้ยงคนเดียวก็เหนื่อย ตนมองว่า 12 ขวบก็โตแล้ว ลูกควรปรับตัวเข้าหาตน ควรนึกถึงจิตใจคนเป็นแม่ด้วย ตนเลี้ยงลูกคนนี้อย่างดี อยากได้อะไรให้ทุกอย่างไม่เคยขาด แต่เขาทำตัวไม่ดีเอง

 

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรเวลาเห็นบาดแผลลูก แม่ของเด็ก ยอมรับว่าสงสาร แต่เพราะลูกดื้อ เวลาตนโมโห จะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ส่วนรอยช้ำบนใบหน้า เกิดจากตนโยนไม้แขวนเสื้อใส่ และไม่ได้พาไปหาหมอ เพราะเห็นมีแค่รอยช้ำ แต่เคยพาไปหาหมอจิตเวชเด็ก หมอบอกว่าลูกสมาธิสั้น ให้กินยา แต่ตอนนี้เลิกกินไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ปัจจุบันตนไม่ได้ใช้สารเสพติดแล้ว เมื่อก่อนเคยเสพไอซ์ แต่เลิกไป 6 ปีแล้ว  สามารถตรวจร่างกายได้ ส่วนที่บอกว่าลูกมีพฤติกรรมดื้อรั้นนั้น ตนไม่มีภาพหลักฐาน แต่สามารถเอาตนเข้าเครื่องจับเท็จได้เลย หลังจากนี้ ให้ เจ้าหน้าที่ พม. รับลูกไปดูแลก่อนสักพักหนึ่งได้ ขอให้ได้ปรับตัว

 

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ได้ควบคุมตัวแม่ของเด็ก ไปที่โรงพัก เพื่อตรวจร่างกาย และดำเนินคดีตามขั้นตอน ส่วนตัวเด็กทั้ง 2 คน เจ้าหน้าที่ พม. จะรับไปดูแลก่อน

 

ขณะที่ นายเอกภพ เผยว่า จากการคุยกับแม่เด็ก รู้สึกตกใจ เพราะตัวคุณแม่โทษแต่ลูกอย่างเดียว ซึ่งแม่ลืมไปหรือเปล่าว่า ลูกเป็นผ้าขาว จากนี้ต้องพาตัวแม่ไปให้นักจิตวิทยาประเมินว่า มีปัญหาทางจิตหรือไม่ หากพบความผิดปกติต้องได้รับการรักษา

 

รวมทั้ง พฤติกรรมลักษณะนี้มีความผิดตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก โดยทาง พม.จะแจ้งความดำเนินคดีกับแม่ต่อไป และให้นักจิตวิทยามาพูดคุยกับเด็ก เพราะตอนนี้เด็กยังอยู่ในอาการหวาดกลัว

 

นายเอกภพ เผยอีกว่า เคสนี้ต้องขอขอบคุณโรงเรียน ที่ไม่มองข้ามความรุนแรงภายในครอบครัว และดูแลเอาใจใส่เด็กอย่างดี เพราะ เมื่อครูเห็นว่าเด็กมีรอยช้ำบนใบหน้า ครูจึงไดัพาเด็กไปโรงพยาบาล จนพบว่ากระดูกบริเวณจมูกมีรอยร้าว ก่อนจะประสานมายัง เพจสายไหมต้องรอด  เพจสายไหมจึงประสานทาง พม. ให้มาลงพื้นที่ตรวจสอบในวันนี้

 

ด้าน ผู้อำนวยการโรงเรียน เผยว่า เด็กอายุ 12 ปี ที่ถูกแม่ทำร้าย เวลาอยู่ที่โรงเรียนเด็กพูดคุยกับเพื่อนและใช้ชีวิตได้ตามปกติ และจากการรายงานของครูประจำชั้นพบว่า เป็นเด็กเรียนดี ร่าเริงปกติตามวัย และไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าว แต่พบว่าเด็กมีอาการสมาธิสั้นแต่ไม่มากจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต

 

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2567 เด็กต้องมาเรียนพิเศษที่โรงเรียน แต่เด็กไม่มา จนวานนี้(17มิ.ย.67)เด็กมาโรงเรียน พบว่าเด็กมีรอยช้ำที่ใบหน้า ครูเห็นว่าท่าไม่ดี จึงรีบพาเด็กไปโรงพยาบาล และจากการสอบถามเด็ก เล่าว่าถูกแม่ทำร้ายมา มองว่าการกระทำของแม่ครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง เพราะทุกครั้งจะเป็นตามร่างกายและในร่มผ้า 

 

เทอมที่ผ่านมาทางโรงเรียนเคยเรียกแม่เด็กมาพูดคุยถึงการทำร้ายเด็กแล้ว ตอนนั้นแม่เด็กก็ยอมรับ ทางโรงเรียนจึงได้ตัดเตือนไป ทำให้ช่วงนั้นแม่เด็กหยุดพฤติกรรมดังดล่าวไป ก่อนเกิดเหตุการณ์ล่าสุด

 

ส่วน น.ส.กุลจิรา โฉมไสว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเด็กถูกทำร้ายร่างกายจริง และค่อนข้างรุนแรง จากนี้จะนำเด็กไปตรวจร่างกาย และแยกเด็กออกจากแม่ โดยให้อยู่ในความดูแลของ พม. ก่อน จากนั้นก็ต้องมาดูว่าจะดำเนินการคุ้มครองเด็กแบบไหน หรือเด็กมีญาติที่สามารถรับเด็กไปเลี้ยงดูต่อได้หรือไม่ และทาง พม.จะแจ้งความดำเนินคดีกับแม่ ในข้อหาทำร้ายร่างกายต่อไป