ข่าว

ทั้งจำคุกทั้งชดใช้เงิน อ่วม! ผัวเมีย “สาดน้ำกรด ม.6”

ผลกรรม สองผัวเมีย “สาดน้ำกรด ม.6” โดนแจ้งข้อหาหนัก ศาลสั่งทั้ง "จำคุก" ทั้ง "ชดใช้เงิน" ขณะที่แม่เหยื่อเผยคู่กรณีไม่เคยมาเยียวยา

เหยื่อ ม.6 ถูกสาดน้ำกรด

19มิ.ย.2567 กรณีนายเจษฎาภรณ์ อายุ 21 ปี และ น.ส.อังคณา อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา สวมชุดดำและหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า บุก สาดน้ำกรด ใส่ น้องอั้ม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ขณะนั่งกินข้าวอยู่กับยายและน้าชาย ในร้านอาหารตามสั่ง เขตเทศบาล นางรอง จ. บุรีรัมย์ เมื่อวันที่27ส.ค.2566

 

โดย น้องอั้ม ใบหน้าเสียโฉม หูซ้ายขาด และตาซ้ายเกือบบอด ต้องรักษาตัวนายกว่า 4 เดือน ส่วนยายและน้าชายที่นั่งกินข้าวด้วยกัน โดนน้ำกรด มีรอยไหม้ตามใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขน และขา ส่วนมูลเหตุจูงใจ คาดว่าสองสามีภรรยาแค้นที่เคยถูกแจ้งความฐานพรากผู้เยาว์ และทำให้เสียทรัพย์ ถึงแม้จะมีการไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหายและคดีจบกันไปแล้ว

หลังก่อเหตุ สองสามีภรรยา ถูกจับกุมขณะหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่สวนมะม่วงที่ จ.อุดรธานี

 

คดีนี้ อัยการจังหวัด นางรอง ยื่นฟ้อง สองสามีภรรยา เป็นจำเลย ฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง จากที่ตอนแรกพนักงานสอบสวนแจ้งเพียงข้อหา ทำร้ายร่างกายได้รับอันตรายสาหัส หลังพิจารณาจากพฤติการณ์แล้ว

 

ล่าสุด นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋นบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนางรอง พิพากษา ลงโทษ สองสามีภรรยา ในอัตราโทษสูงสุด คือ ประหารชีวิต เพราะกระทำผิดฐานพยายามฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ความผิดยังไม่สำเร็จ จึงเหลือ จำคุก ตลอดชีวิต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุกคนละ 25 ปี

 

ขณะที่สามีเคยมี คำพิพากษา ก่อนหน้านี้ เรื่องคดีพรากผู้เยาว์ย จึงเพิ่มโทษสามีอีก 10 ปี รวมเป็น 35 ปี ส่วนคดีแพ่งให้ชดใช้เงิน 2,006,000 บาท

 

ในฐานะทนายความที่เข้ามาช่วยเหลือน้อง ขอชื่นชมและขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ชั้นตำรวจที่ติดตามจับกุมได้เร็ว ต่อสู้ในชั้นศาลมาร่วมปี ถือว่าวันนี้น้องได้รับความยุติธรรม

 

แต่ยังกังวลว่า หากจำเลยไม่ยอมชดใช้เงินค่าเสียหาย 2,006,000 บาท ตามคำพิพากษา จะได้แค่กระดาษหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทางจำเลยทั้งสองไม่เคยเยียวยาผู้เสียหายแม้แต่บาทเดียว และไม่เคยเอาเงินมาวางศาลเพื่อทุเลาผลที่กระทำผิดเลย ก็ต้องทำการสืบทรัพย์ว่าทั้งคู่จะมีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง ที่จะยึดมาชดใช้ให้ผู้เสียหายได้หรือไม่

 

ด้าน น.ส.จิราวรรณ แม่น้องอั้ม บอกว่า พอใจในคำตัดสินของศาล ที่ท่านเมตตาให้ความยุติธรรมกับน้อง แต่แม่ก็ยังกังวลว่าผู้กระทำผิดทั้งคู่จะไม่จ่ายเงินเยียวยา เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเยียวยาเลยแม้แต่บาทเดียว

 

ตั้งแต่เกิดเหตุน้องก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น แม้ว่าปัจจุบันสภาพจิตใจ และร่างกายจะเริ่มดีขึ้นบ้างช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ก็ยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ทุกวันนี้ยังต้องไปหาหมอตามนัดทั้งที่ รพ.บุรีรัมย์ เพื่อรักษาโดยเฉพาะดวงตาที่มองไม่ชัด ใบหูที่ขาดและรูหูปิดได้ยินไม่ชัด

 

ต้องเดินทางไปคลินิกศัลยกรรม ธีรพรคลินิก ที่กรุงเทพฯ เป็นระยะ เพื่อประเมินสภาพใบหน้าและรักษาผังผืด เพราะทางคลินิก ทำศัลยกรรมให้กับน้องฟรี

 

ขอบคุณทุกคนทั้ง ตำรวจ อัยการ ทนายความ และศาล ที่ให้ความเป็นธรรม และขอบคุณคุณหมอที่ดูแลรักษาน้องอย่างดี หวังว่าคู่กรณีจะเห็นใจ และนึกถึงความเป็นเพื่อนมนุษย์ดูแลเยียวยาน้องบ้าง

ข่าวที่น่าสนใจ