รอ "บิ๊กโจ๊ก" ตัดสินใจแย้งกลับหรือไม่ ปมให้ออกจากราชการ
"ก.พ.ค.ตร." ส่งคำแก้อุทธรณ์ของ "บิ๊กต่าย" ให้ "บิ๊กโจ๊ก" แล้ว ตอบปมให้ออกจากราชการ หากไม่แย้งกลับส่งต่อ "ประธาน" กำหนดวันวินิจฉัยทันที
ความคืบหน้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) กรณีถูกคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งขณะนั้นพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ลงนาม
ผู้สื่อข่าวรายงาน แหล่งข่าวจาก ก.พ.ค.ตร. ให้ข้อมูลว่า ตามขั้นตอนหลังจากที่กรรมการเจ้าของสำนวนมีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้ว และได้สั่งให้คู่กรณี ซึ่งในที่นี้คือ รักษาการฯผบ.ตร. ทำคำแก้อุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งขณะนี้ทำเสร็จแล้ว และส่งให้คณะกรรมการเจ้าของสำนวน
โดยทางคณะกรรมการได้รับคำแก้อุทธรณ์ดังกล่าวพร้อมด้วยพยานหลักฐานมาพิจารณาก่อนส่งให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะพิจารณาซึ่งมีสิทธิแย้งได้ หากไม่มีคำแย้งและพยานหลักฐานเอกสารครบถ้วนทั้งสองฝ่าย คณะกรรมเจ้าของสำนวนจะกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริง และกำหนดวันพิจารณาวินิจฉัยจากประธาน ก.พ.ค.ตร. มีทั้งรูปแบบการแถลง แจกเอกสาร และ การแจ้งด้วยวาจา ซึ่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดในสำนวนคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะต้องได้รับทราบเท่าเทียมกัน เพื่อความเป็นธรรมในการพิจารณา หากสุดท้ายผลคำวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ออกมาและคู่กรณีไม่สามารถรับได้ ก็มีโอกาสไปให้ยื่นเรื่องต่อให้ศาลปกครองพิจารณา
โดยมีกรอบเวลาในการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร.ถูกกำหนดไว้ที่ 120 วันนับตั้งแต่วันที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นอุทธรณ์ซึ่งก็คือวันที่ 25 เมษายน 2566 ฉะนั้นจนถึงวันนี้ 19 มิถุนายน 2566 เป็นระยะเวลา 56 วัน หากมีการขยายเวลาสามารถทำได้ 2 รอบ รอบละ 60 วันเท่านั้น ซึ่จะมีความล่าช้าออกไปขึ้นอยู่กับคู่กรณี
ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยยื่นขอให้เปลี่ยนตัวกรรมการ ก.พ.ค.ตร. เนื่องจากบางท่านเคยมีข้อขัดแย้งกัน แหล่งข่าวระบุว่า ในสำนวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีกรรมการเพียง 1 คนที่ขอถอนตัวออกไป ซึ่งเป็นการถอนตัวตั้งแต่แรกที่ทราบว่ามีการยื่นเรื่องมา ส่วนคนอื่นยังคงเดิม