ญาติคาใจ "เด็ก 15" รถล้มหัวฟาดพื้น รพ.จ่ายแค่ยาพารา 2 เม็ด
รักษาแบบใด "เด็ก 15" ประสบอุบัติเหตุ รถล้มหัวฟาดพื้น แต่โรงพยาบาลจ่ายแค่ยาพารา 2 เม็ด ไม่มีการเอกซเรย์สมอง ขณะที่ ผอ.โรงพยาบาล แจงแล้ว
19 มิ.ย.2567 กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เรื่องราวหัวอกของพ่อที่เสียลูกชายไป ระบุว่า "หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่แทบสลาย ลูกชายคนเล็กต้องมาจากไป เพราะเหตุใดกันแน่? ก็ใช่…ครั้งนี้มันเป็น อุบัติเหตุ แต่จากเหตการณ์นี้ มองว่าหมอ น่าจะช่วยน้องได้ หากกระทำตามขั้นตอนและวินิจฉัยอาการ พร้อมเพิ่มความใส่ใจคนไข้ให้มากกว่านี้ หรือรับมือไม่ไหวก็รีบส่งตัวน้องไป รพ.ประจำจังหวัด ที่มีเครื่องมือพร้อมได้ แต่แล้วทำไม ทำไม ทำไม”
โดย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2567 เวลา 19.30 น. น้องบอย อายุ 15 ปี ประสบ อุบัติเหตุ รถล้ม หัวฟาดพื้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยตำบลทับรั้ง ได้นำตัวส่ง โรงพยาบาล แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ. พระทองคำ จ. นครราชสีมา หลังจากนั้นหมอให้กิน ยาพารา และนอนรอดูอาการตั้งแต่เวลา 19.00 -02.00 น. จนกระทั่งอาการแย่ลง กว่าจะได้ส่งตัวไป รพ.ใหญ่ในตัวเมือง ก็เวลา 05.00 น. จนกระทั่งน้อง เสียชีวิต
แพทย์ชันสูตรหาสาเหตุการ เสียชีวิต เกิดจาก บาดเจ็บที่สมองรุนแรง ครอบครัวผู้ เสียชีวิต คาใจเจ้าหน้าที่ไม่นำตัวลูกชายไปเอกซเรย์สมอง ปล่อยให้นอนร้องโอดโอยครางอย่างทรมาน หลังจากที่น้องเสียชีวิต ทาง โรงพยาบาล ไม่ได้ออกมาชี้แจงหรือแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวที่สูญเสียลูกชายแต่อย่างใด
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ บ้านมาบค่าย หมู่ 6 ต.ทัพรั้ง อ. พระทองคำ จ. นครราชสีมา สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น้องบอย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทางครอบครัวยังทำใจไม่ได้
นางสุจิน อายุ 48 ปี แม่ น้องบอย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุสูญเสีย ลูกชายไปขับรถเล่นกับเพื่อน จนกระทั่งเวลา 19.00 น. กู้ภัยได้โทรมาแจ้งว่าลูกชายประสบ อุบัติเหตุ พอไปถึง โรงพยาบาล ลูกชายมีอาการนอนดิ้น กระวนกระวาย พยาบาลให้นอนดูอาการและให้กิน ยาพารา ไป2เม็ด แต่ไม่มีการนำตัวน้องไปเอกซเรย์
จนกระทั่งช่วงกลางดึกน้องหมดสตินอนนิ่งไป พบว่าหยุดหายใจแล้ว ทาง โรงพยาบาล จึงรีบนำตัวลูกชายส่งไปยัง รพ.มหาราชนครราชสีมา หลังจากลูกชาย เสียชีวิต ทาง โรงพยาบาล ไม่เคยมาชี้แจงหรือมาแสดงความเสียใจกับครอบครัว
รู้สึกน้อยใจมากที่ โรงพยาบาล ไม่ใส่ใจในการรักษา ตอนนี้อยากให้ทาง โรงพยาบาล ออกมาแสดงความรับผิดชอบ
ต่อมา ผอ.โรงพยาบาล ที่ทำการรักษา น้องบอย พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เดินทางมายังบ้านผู้เสียชีวิต ก่อนจุดธูปเคารพศพ
โดย ผอ.โรงพยาบาล นั่งพูดคุยชี้แจงกับพ่อแม่และครอบครัวของ น้องบอย และชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุหลังจากที่นำตัวส่งโรงพยาบาล ยอมรับว่าไม่ได้มีการเอกซเรย์สมอง เนื่องจากว่าดูจากร่างกายและบาดแผลตามร่างกายผู้ป่วยพบมีบาดแผลที่ไหล่ขวาและข้อเท้าซ้าย แพทย์จึงได้ประเมินว่าให้ย้ายไปนอนดูอาการที่ตึกผู้ป่วยใน
จากการวินิจฉัยอาการเบื้องต้น ผู้ป่วยรายนี้ ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา จนกระทั่งผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลง ทรุดลงอย่างกระทันหัน ทำให้คาดการณ์ไม่ได้เลย
จากการตรวจร่างกายเบื้องต้นผู้ป่วยค่อนข้างสมบูรณ์ ซึ่งขั้นตอนการสังเกตอาการผู้ป่วยทางประสาททางเจ้าหน้าพยาบาลที่จะดูอาการทุก 2 ชั่วโมง แต่ผู้ป่วยไม่แสดงอาการ
ขณะนี้เตรียมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว และเรียกบุคลากรที่ทำการรักษาผู้ป่วยในวันนั้นมาสอบสวนเป็นรายบุคคล ว่าสาเหตุเกิดจากข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่หรือไม่
เบื้องต้นทางโรงพยาบาลดำเนินการประสานงานไปยัง สปสช. ตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ได้กำหนดให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร จ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 240,000 บาท แต่ไม่เกิน 400,000 บาท
ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กชื่อ ชุมชน คน อ. พระทองคำ จ. นครราชสีมา ได้แชร์โพสต์ของเพจอีซ้อขยี้ข่าว3 ระบุข้อความ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่งบุกพิสูจน์ รพ.เฮี้ยน ใครพาญาติมารักษาเน้นxxxxเท่านั้น (โคราช)" เริ่มเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมออนไลน์ มีคนถูกใจ กว่า 9,500 ครั้ง แสดงความคิดเห็นกว่า 400 ข้อความ