ค้นบ้านพบหลักฐานใหม่ เจอ "ยานอนหลับ" ซุกบ้านแม่เมีย "เสี่ยต้น"
ตำรวจสืบสวนภาค 4 ค้นบ้านแม่เมียเสี่ยต้น พบผง "ยานอนหลับ" ซุกในบ้าน ตำรวจเร่งเชื่อมโยงคดีฆาตกรรม ขณะที่ แม่เมียเสี่ยต้น เผยยาถูกซุกไว้ในซองโฉนดเสี่ยต้น ไม่รู้ว่าเป็นยานอนหลับ
ประเด็นการเสียชีวิตของนายพิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น ยังคงมีเงื่อนงำ แม้ว่าตำรวจชุดคลี่คลายคดีจะจับกุม "นางมด" เมียเสี่ยต้น ความผิดข้อหา "พยายามฆ่า" เป็นคนจ้างวานและอาจจะเชื่อมโยงไปถึงการเสียชีวิตปริศนาที่ จ.มหาสารคามว่าเป็นการวางยาซ้ำ หลังก่อนหน้านี้พยายามก่อเหตุลอบยิงไม่สำเร็จหรือไม่
เมื่อช่วงเช้า ของวันที่ 20 มิ.ย.2567 มีรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 4 นำกำลังชุดสืบสวนภาค 4 เข้าค้นบ้านของ นางกล่ำ แม่ของเมียเสี่ยต้น ในพื้นที่ตำบลดงเมือง อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม เพื่อค้นหาหลักฐานคลี่คลายคดี และจากการเข้าตรวจค้นภายในบ้าน พบ "ยาอัลปราโซแลม" 1 แผง บางส่วนถูกทำเป็นผง
ซึ่งยาชนิดนี้ถือว่าเป็นยานอนหลับ และจัดว่าเป็นยาควบคุม เป็นที่น่าสังเกตว่าหากเป็นยานอนหลับ ที่รับประทานประจำ เหตุใดจึงต้องซุกซ่อนไว้อย่างมิดชิด ประเด็นนี้ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี จะนำหลักฐาน คือยานอนหลับ ไปตรวจพิสูจน์หลักฐานอีกครั้งว่ามีปมการเชื่อมโยงกับการเสี่ยชีวิตของเสี่ยต้นหรือไม่
และนี่คือ หลักฐานที่ตำรวจตรวจพบ คือ "ยาอัลปราโซแลม" 1 แผง จำนวน 10 เม็ด จากนั้นตำรวจได้นำเอายาดังกล่าวเก็บไปเป็นหลักฐาน ซึ่งยาชนิดนี้ถือว่าเป็นยานอนหลับ และจัดว่าเป็นยาควบคุม
เป็นที่น่าสังเกตว่าหากเป็นยาที่ทานประจำหรือเพื่อรักษาโรค เหตุใดจึงต้องซุกซ่อนไว้อย่างมิดชิด ประเด็นนี้ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี จะนำหลักฐาน คือยาอัลปราโซแลม ไปตรวจพิสูจน์หลักฐานอีกครั้งว่ามีปมการเชื่อมโยงกับการเสี่ยชีวิตของเสี่ยต้นหรือไม่
ผู้สื่อข่าวสอบถาม แม่กล่ำ แม่เมียเสี่ยต้น บอกว่าตำรวจเข้าค้นที่บ้านเมื่อเช้าจริง พบยา 1 แผง ในถุงซองโฉนดที่เสี่ยต้นเอามาให้ตอนมาจาก กรุงเทพ ตนเองก็ไม่ได้เปิดดูว่าเป็นยาอะไรมันเป็นภาษาอังกฤษ ตนก็อ่านไม่ออก แต่ยาเต็มแผงอยู่เลย 10 เม็ด จากนั้นตนเองก็นำซองนั้นซองนั้นไปเก็บเอาไว้โดยไม่ได้มาดูอีกเลย
ข้อมูลการสืบสวนเชิงลึก ทราบว่าขณะนี้ตำรวจเร่งต่อจิ๊กซอว์หลักฐานทางคดี ทั้งการค้นหาแก้วที่ใช้ในวันก่อเหตุ เพื่อนำมาตรวจหา DNA และอาจนำเถ้ากระดูกตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด เพื่อนำผลการตรวจพิสูจน์มาประกอบสำนวนคดีเพิ่มเติม
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) บอกว่าหลักฐานทางนิติวิทยาศาตร์ในคดีนี้ถือว่ามีน้ำหนักค่อนข้างเบา เพราะเวลาผ่านมานานนับเดือนแล้ว ที่สำคัญคดีนี้ไม่ได้มีการชันสูตรพลิกศพเสี่ยต้น จึงทำให้น้ำหนักทางคดีเหลือน้อยลง
แต่คดีนี้ก็ยังไม่สิ้่นหวังเสียทีเดียว เพราะมีความเป็นไปได้ว่าตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีอาจจะนำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์บางส่วนหาความเชื่อมโยงทางคดีเพื่อนำไปสู่การฆาตกรรมได้ หรือเป็นไปได้ว่าผู้ต้องหาเปิดปากรับสารภาพและให้ความร่วมมือทางคดี ก็จะทำให้คดีนี้มีความชัดเจนมากขึ้น