ข่าว

รู้แล้ว ใครสั่งจับ "เรือน้ำมันเถื่อน" เสี่ยโจ้ปัตตานี

21 มิ.ย. 2567

"พล.ต.อ.ไกรบุญ" ยอมรับ เป็นคนสั่งจับ "เรือน้ำมันเถื่อน" พร้อมสั่ง ผกก.อักษรย่อ "น." หยุดปฏิบัติหน้าที่เอง ขณะที่ "น้ำมันเถื่อน" ปากพนัง ตำรวจทำงานล่วงหน้าก่อนมีกระแสแล้ว

21 มิ.ย. 2567 พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ ศปนม.ตร. เปิดเผยถึงกรณีมีตำรวจ 6 นายเข้าไปเกี่ยวข้องกับแชทไลน์ ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่าง ผกก. อักษรย่อ น. กับ เสี่ยโจ้ ปัตตานี โดยมีการพาดพิงถึงการถูกสั่งปลด

 

โดย พล.ต.อ.ไกรบุญ ยอมรับว่าไม่ได้ดูรายละเอียดว่าเป็น การพูดคุยเกี่ยวกับอะไร แต่ตนเองเป็นคนสั่งการให้จับเรือน้ำมันเถื่อนจริง และสั่งให้นายตำรวจนายดังกล่าวหยุดปฏิบัติหน้าที่

แชตหลุดจำรวจคุยกับเสี่ยโจ้

ส่วนนายตำรวจนายนั้น จะมีความเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ต้องรอการตรวจสอบจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว การสั่งให้หยุดปฏิบัติงาน เนื่องจากผู้ที่ทำงานจะต้องเป็นคนที่ตนไว้ใจ เพราะตนเน้นเรื่องใจซื่อมือสะอาด ขอย้ำว่าในยุคของตนเองจะต้องไม่มีเรื่องการทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์

 

ส่วนประเด็นที่แชทหลุดนี้ มี ตำรวจสอบสวนกลาง และ ตำรวจน้ำ เข้าไปเกี่ยวข้อง จะมีการสอบสวนให้เกิดความเที่ยงธรรมได้อย่างไร พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่วนกรณีที่มีตำรวจระดับรองผู้บัญชาการ 2 นายเข้าไปเกี่ยวข้อง เบื้องต้นได้สั่งให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน

 

ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำกระบวนการสอบสวนให้เกิดความสุจริตและเป็นธรรมได้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมและพบว่าการสอบสวนไม่ตรงไปตรงมา จะตั้งคณะทำงานของจเรตำรวจเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง และจะสั่งปลดหัวหน้าชุดตรวจสอบรวมถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติและจะมอบหมายให้ จเรตำรวจแห่งชาติเข้าไปจัดการแทน

 

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ยังระบุว่า หลังจากได้รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ ศูนย์ ศปนม.ตร. ไม่มีนโยบายเรียกรับผลประโยชน์ เมื่อได้รับข้อมูลว่า มีการกระทำความผิดก็สั่งกวาดล้างติดตามจับมาดำเนินคดีโดยไม่สนว่าใครจะอยู่เบื้องหลัง หรือใครเรียกรับผลประโยชน์ หากใครที่ฝ่าฝืนนโยบายก็ต้องถูกลงโทษทางวินัยและอาญา ยืนยันว่าไม่เอาสิ่งที่สั่งสมมาตลอดชีวิต มาเสียหายกับเรื่องนี้

 

ส่วนการดำเนินคดีกับเครือข่ายน้ำมันเถื่อนเสี่ยโจ้ ปัตตานี และเรือทั้ง 5 ลำ ว่า เป็นการจับกุมในน่านน้ำสากลและลากเข้ามาดำเนินคดีในอาณาเขตไทย ตามความเห็นอัยการแล้วมองว่าเป็นไปได้ยากนั้น ทางตำรวจขอยืนยันว่า มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนสามารถเอาผิดกับเครือข่ายน้ำมันเถื่อนดังกล่าวได้อย่างแน่นอน รวมถึงมีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง เตรียมประสานเข้าพูดคุยหารือกับพนักงานอัยการสูงสุดถึงแนวทางการดำเนินคดี วางแผนและหาทางออกร่วมกัน ซึ่งหากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้วจัดส่งให้อัยการตรวจสอบซึ่งต้องใช้ระยะเวลาสักพักหนึ่ง มั่นใจสามารถเอาผิดตัวผู้บงการได้ 

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ (ซ้าย) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง (ขวา)

สำหรับการติดตามเส้นทางเรือขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “เคนาย” (k9) ที่รับขนถ่ายน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลางทั้งสามลำ ยอมรับว่า ตอนนี้ไม่รู้ว่าเรืออยู่ที่ไหน แต่ไม่ได้อยู่ในน่านน้ำไทยและอยู่ไกลมาก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนและการขยายผล และจะกวาดล้างให้หมด รวมถึงสืบสวนน้ำมันต้นทางมาจากไหน ไม่ว่าแท่นขุดเจาะหรือที่ไหน ดำเนินคดีหมด

 

ส่วนการป้องกันการขนย้ายน้ำมันทางบกได้เชิญผู้ประกอบการทั้งหมดมาหารือ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ขอเอกสารตารางการเดินรถในทุกเส้นทาง เพื่อให้มีข้อมูลตั้งต้นว่ารถบรรทุกน้ำมันแต่ละคันเมื่อออกมาจากแท่นเติมน้ำมันแล้วจะมีน้ำมันจำนวนเท่าใดจะใช้เส้นทางอะไร โดยทุกคันจะต้องผ่านจุดชั่งน้ำหนักของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงจะรายงานมาที่ศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อนฯ เพื่อติดตามระยะทาง และปริมาณน้ำมัน ตลอดระยะทางการขนส่ง ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ทำคดีน้ำมันเถื่อนอย่างตรงไปตรงมา และกวาดล้างขบวนการดังกล่าวให้หมดไป

 

นายชัยชนะ เดชเดโช

ส่วนกรณีนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดข้อมูล มีเรือที่ต้องสงสัยจอดอยู่น่านน้ำที่แม่น้ำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช 3 ลำ ขอให้ตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อนหรือไม่ พล.ต.อ.ไกรบุญ ระบุว่า รับทราบแล้ว ก่อนหน้านี้ตนได้มอบหมายให้ทีมกองบังคับการปราบปรามไปกดดันมาประมาณเดือนนึง ตรวจเรือที่เกี่ยวข้องน้ำมันเถื่อนทั้งหมดและได้ข้อมูลมาหมดแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถาม แสดงว่ามีจริงและเป็นขบวนการใหญ่หรือไม่ พล.ต.อ.ไกรบุญ ระบุว่า "ไม่ใหญ่หรอกครับ" ไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย 

 

ส่วนขบวนการจะใหญ่เทียบของเสี่ยโจ้หรือไม่ ตนไม่รู้ใครระดับไหน ใครผิดกฎหมายคือผิด ไม่มีใหญ่มีเล็ก ซึ่งศูนย์ปราบน้ำเถื่อนนี้ ตนให้สมาคมประมงเข้ามาร่วมทำงาน ก็ให้ข้อมูล เช่น กรณีปากพนัง มีการตั้งข้อสังเกตุช่วงนี้ปลาทูเข้ามาจำนวนมาก เรือเริ่มเอาน้ำเถื่อนมาขายให้ชาวประมงเพืาอจะได้ไม่ต้องวิ่งเข้าฝั่ง ตนก็ได้สั่งการชุดทำงานลงพื้นที่จับกุม 

 

พล.ต.อ.ไกรบุญ เชื่อว่า ที่ปากพนังไม่มีเรือน้ำมันเถื่อนแล้ว จากกรณีที่ตนสั่งจับเรือน้ำมันเถื่อนและติดตามเรือน้ำมันกลับมา 3 ลำ 

 

การเฝ้าระวังพื้นที่พิเศษ พล.ต.อ.ไกรบุญ เชื่อว่า หลังจากจับเรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ทำให้เกิดแรงกระเพื้อม ลักลอบกระทำความผิดลกลงจนถึงหายไปเลย ซึ่งปีนี้ตนให้งบประมาณตำรวจน้ำ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงลาดตระเวนจำนวนมาก มั่นใจ ให้แล้วมีผลงานจับกุมได้ นี่คือตัวชี้วัด