ข่าว

“สน.ทองหล่อ” อีกแล้ว ทนายน้อง "เชื่อมจิต" แจ้งความ "ทนายอนันต์ชัย"

งานนี้ไม่จบง่าย เหตุเกิดจาก “สน.ทองหล่อ” ทนายน้อง "เชื่อมจิต" งัดข้อกฎหมายขึ้นโรงพักแจ้งความ "ทนายอนันต์ชัย"

21 มิ.ย. 2567 ที่ สน.ทองหล่อ นายธรรมราช สาระปัญญา หรือ ทนายธรรมราช ของกลุ่ม เชื่อมจิต นำเอกสารหลักฐาน ที่ถอดคำพูดการให้สัมภาษณ์อย่างละเอียดของ นายอนันต์ชัย ไชยเดช หรือ ทนายอนันต์ชัย ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เพื่อ แจ้งความ ร้องทุกข์กล่าวโทษ

 

กรณีเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2567 ที่ น้อง เชื่อมจิต และครอบครัว รวมถึงตน เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ที่  สน.ทองหล่อ และมีเหตุการณ์ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจ จากนั้นมีตำรวจไปขอโทษ หนุ่ม กรรชัย เข้าใจว่าเป็นกรณีเรื่องการไม่ให้เข้าห้องน้ำ แต่ในวันนั้น ทนายอนันต์ชัย กลับมีการตำหนิตำรวจ

วันต่อมา ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ทำนองตำหนิ และเสียดสี ตำรวจ สน.ทองหล่อ มองว่าไม่ควรไปพูดกับตำรวจ เพราะตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามกฏหมาย ข้อความทั้งหมดนี้ตนมองว่าเข้าข่ายความผิด ประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 136 ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

 

รวมถึงมีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ประกาศตัวบทกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ตามมาตรา 37 ผ่านเครื่องขยายเสียง โดยมีการกล่าวหาว่าไปข่มขู่สื่อ ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่การขู่ เพียงแต่เป็นการประกาศให้ประชาชนทราบว่ามีข้อกฎหมายตามนี้

 

ทนายธรรมราช ย้ำว่า วันนี้มากล่าวโทษในฐานะประชาชน ไม่ใช่ในฐานะผู้เสียหาย ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าทุกข์ แต่หากตำรวจนายใดต้องการเป็นเจ้าทุกข์  ก็ต้องพิสูจน์ตัวให้ได้ก่อนว่าถูกกล่าวถึงอย่างไร

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นคลิปดังกล่าวในพื้นที่ใด ทนายธรรมราช อ้างว่า เห็นแถวๆนี้ และเขากล่าวถึงที่นี่ เป็นสื่อโซเชียลและความผิดเกิดขึ้นทั่วประเทศ จึงมาแจ้งความที่นี่ 

 

ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง ถึงแม้จะมีข้อพิพาทกับทนายอนันต์ชัยก็ตาม และหากคู่กรณีเห็นว่าตนทำไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เช่นกัน  

 

ส่วนกรณีที่โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “กู้ศักดิ์ศรีตำรวจไทย​ ไม่ให้ใครมาหยามหมิ่น”

 

ซึ่งวันนี้จะมากล่าวโทษ ทนายอนันต์ชัย เพียงคนเดียว เพราะมีหลักฐานชัดเจน แต่อาจจะมีบุคคลอื่นด้วย ที่ไปยืนพูดอยู่หน้าสน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2567 มองว่าเข้าข่ายความผิดแน่นอน

 

ส่วนคดีที่ พม.ร้องขอให้ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไต่สวน ปรากฏว่ามีญาติธรรม เป็นห่วงน้อง จึงแจ้งความจำนง ที่จะเป็นพยานในคดีนี้นับ 100 คน จากตอนแรกที่อ้างพยานไป 4 ปาก  ว่าการสอนธรรมะเป็นประโยชน์ ว่ากิจกรรมของน้องไม่ขัดต่อสวัสดิภาพของเด็ก แต่ในทางกลับกัน หากศาลสั่งให้หยุดกิจกรรมต่างๆน้องจะรู้สึกเสียใจ เพราะรับหน้าที่มาสอนธรรมะ จะให้หยุดทำไม   

 

สำหรับกรณีที่มีกลุ่มแอดมินไปยื่นกล่าวโทษสื่อ 4 รายการ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้คดีอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น เป็นการกล่าวโทษ เพื่อเปิดคดี หลังจากนั้นจะมีการนัดพยานวันละ 5 ปาก 

 

นอกจากนี้  ทนายธรรมราช กล่าวด้วยว่า อาจารย์น้องมีการเผยแพร่คลิปมากกว่า 1,000 คลิป ที่มีปัญหาก็เอามาดูว่ามีปัญหาจริงหรือไม่ อันไหนมีปัญหาปรับได้หรือไม่ แต่จะให้สั่งหยุดกิจกรรมไม่ได้ ต้องสู้เต็มที่ หากสำนักพุทธบอกว่ากระทบกระเทือนพระไตรปิฎก เถรวาท ก็ต้องมาดูว่าพฤติการณ์ไหน ไม่ใช่มาดำเนินคดีอย่างเดียว

 

เมื่อถามว่า หากเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลจะสามารถพิสูจน์อย่างไรว่าน้องเชื่อมจิตได้ ทนายธรรมราช บอกว่า ได้พูดคุยกับน้องแล้วว่าอนาคามีพิสูจน์อย่างไร  อาจารย์น้องบอกว่าภูมิธรรม ภูมิปัญญาไง จะเอาดีเอ็นเอมาตรวจยังไง พร้อมเปรียบเทียบกับตนเองว่า หากเป็นทนายความที่ไม่มีเอกสารให้ดู ตนเองก็จะตอบว่า “ก็ความรู้ไง ผมก็จะบอกข้อกฎหมายไง”

ข่าวที่น่าสนใจ