ข่าว

DSI บินรับ "ชนินทร์" ผู้ต้องหาฉ้อโกง STARK กลับดำเนินคดี คาดถึงไทย 23 มิ.ย.

DSI บินรับ "ชนินทร์" ผู้ต้องหาฉ้อโกง STARK กลับดำเนินคดี คาดถึงไทย 23 มิ.ย.

22 มิ.ย. 2567

เจ้าหน้าที่ดูไบ รวบตัว “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” ผู้ต้องหาฉ้อโกงบริษัท STARK ประสานรัฐบาลไทย ส่งตัวกลับดำเนินคดี คาดถึงไทยพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.)

จากกรณี นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตผู้บริหาร บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ถูกสั่งฟ้องกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542  และได้หลบหนีออกนอกประเทศไปยัง นครดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

 

ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ว่า ได้เข้าควบคุมตัว “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” อดีตผู้บริหาร STARK ผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชน ได้แล้วตามคำร้องขอของรัฐบาลไทย โดยหลังจากที่รัฐบาลไทย ได้รับการประสานว่าจับตัวนายชนินทร์ ได้แล้ว ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เดินทางไปยังนครดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อส่งมอบตัว

 

แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ DSI เดินทางไปถึงนครดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว แต่รอขั้นตอน นครดูไบ ส่งมอบตัว นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตผู้บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK คาดว่าจะได้ตัวกลับมาเร็วๆ นี้ 


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับคดี หุ้น STARK คลิกที่นี่ 

 

ทั้งนี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ DSI จะนำตัว นายชนินทร์ ผู้ต้องหา มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) และจะมีการแถลงข่าวใหญ่ทันที ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนหน้าที่ทางสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะดำเนินการจับกุมตัว “ชนินทร์” อดีตผู้บริหาร STARK ได้นั้น

 

ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประสานรัฐไปยังสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อขอให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตผู้บริหาร STARK เนื่องจากทางการไทยสืบทราบมาว่า นายชนินทร์ หลบหนีคดีอยู่ที่นครดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

สำหรับคดี บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK  ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI สั่งฟ้องผู้ต้องหา รวม 11 คน ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม


 

 

โดยคดีนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2566 ซึ่งในคดีนี้มีผู้เสียหายทั้งสิ้นจำนวน 4,704 ราย มูลค่าความเสียหายจำนวน 14,778 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่า มีการนำเงิน 10,000 ล้านบาท โอนเข้ากลุ่มบริษัทของผู้ต้องหา เพื่อไปชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า รวมทั้งยักย้ายถ่ายเทเข้าบัญชีส่วนตัว ซึ่งได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน (ปปง.) ติดตามยึดทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 49 วรรคท้าย ต่อไป

 

สำหรับคดี STARK นี้ถือเป็นคดีฉ้อโกง ที่ใหญ่ที่สุดและสร้างความเสียหายอย่างมากให้นักลงทุน และวงการตลาดทุนไทย ดังนั้นรัฐบาลไทย จึงเร่งการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ  เพื่อเรียกความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยกลับมาอีกครั้ง