ข่าว

“เสี่ยโจ้” ได้สัญชาติกัมพูชาแล้ว “บิ๊กเต่า” สั่งเช็กมือถือ 9 ตำรวจน้ำ

24 มิ.ย. 2567

ปูด “เสี่ยโจ้” ได้สัญชาติกัมพูชาแล้ว “บิ๊กเต่า” ส่งมือถือ 9 ตำรวจน้ำทำหน้าที่ดูแลเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง ตรวจสอบโยงเรือหายหรือไม่

บิ๊กเต่า ประชุมคณะทำงานเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย

24 มิ.ย.2567 เวลา 10.00 น. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หรือ บิ๊กเต่า พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. และ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี เรือน้ำมันเถื่อน ของกลาง หาย ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า วันนี้ประชุมร่วมกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของเราที่บกพร่องต่อหน้าที่ จนเป็นเหตุให้ เรือน้ำมันเถื่อน ของกลางหาย รวมไปถึงเรื่องการขยายผลจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ เรื่องขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน และ กรณีของแชทไลน์ต่างๆที่หลุดออกมา ทั้งหมดค่อนข้างคืบหน้าไปพอสมควร

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตำรวจ บก.ปปป. ได้ร่วมกับ ตำรวจน้ำ (บก.รน.) ตรวจสอบหลายมิติ รวมไปถึงนำโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ทั้ง 9 นาย ส่ง บก.ปอท. ตรวจสอบข้อมูล ก่อนส่งต่อให้ กองปราบ ทำการวิเคราะห์ ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของ เรือของกลาง หรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้องก็จะเร่งดำเนินการเอาผิด เช่นเดียวกับกรณีการตรวจสอบ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในช่วงเรือ หาย คาดว่าวันที่ 1 ก.ค.2567 ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น

 

สำหรับเคสนี้เราดำเนินการบนสมมุติฐานเดียวกับเคสกำนันนก เพราะมีเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ มีหน้าที่ แต่ไม่ปฏิบัติทำให้เสียหาย เราจะดำเนินการในรูปคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าหากพบว่าผิดจริง ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง

 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องตรวจสอบเจ้าหน้าที่รับส่วยขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้ ตำรวจ บก.ปปป. เร่งดำเนินการตรวจสอบ และ จะเรียกผู้ที่ถูกพาดพิงมาสอบปากคำทุกคน คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปวันที่1ก.ค.2567 เช่นเดียวกัน ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

 

อย่างที่รู้กันเมื่อ 3-4 ปี ก่อน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง เข้าไปมีส่วนร่วมในการเก็บผลประโยชน์จากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน แต่เราไม่มีหลักฐาน ซึ่งทางเราเองก็อยากได้ข้อมูลเหล่านี้เช่นเดียวกัน

 

เมื่อถามถึงกรณีติดตามตัว เสี่ยโจ้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เสี่ยโจ้ ไม่ได้ไปไหนไกล อยู่ใกล้ๆบ้าน เท่าที่ทราบปัจจุบันเจ้าตัวมีสัญชาติกัมพูชา เพิ่มมา กลายเป็นบุคคลสองสัญชาติ ทำให้สามารถล่องหนได้

 

ส่วนเรื่องหมายแดง ยืนยันว่า หากมีการออกหมายจับแล้ว จะเร่งดำเนินการในส่วนของหมายแดงต่อทันที หากถามว่า เสี่ยโจ้เกี่ยวกับคดีนี้ไหม เกี่ยวพันอยู่แล้ว เรามั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่พอสมควร แต่ขอรวบรวมเพิ่มให้สมบูรณ์กว่านี้อีกสักหน่อย สัปดาห์หน้าน่าจะชัดเจน

 

ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า สำหรับคดีนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นเรื่องจับ เรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำ ทางกองปราบอยู่ระหว่างเร่งทำข้อมูลรายงานสืบสวน เพื่อส่งต่อให้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. กับตัวแทนจาก อัยการสูงสุด นำไปพิจารณา

 

เช่นเดียวคดี เรือน้ำมันเถื่อน ของกลางหาย ขณะนี้ก็ใกล้จะแล้วเสร็จ เพราะผู้ต้องหา พยานบุคคลต่างๆเป็นกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่ทำผิดต่างกรรมต่างวาระ หรือ ต่างมิติ

 

ยืนยันว่าจากการตรวจสอบกรณีเรือหาย ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องการขยายผลออกหมายจับ เสี่ย จ. หรือ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 4-5 คน นั้น คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น เพราะตอนนี้พอทราบข้อมูลแล้วว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง รวมไปถึงทราบแล้วว่าเรือที่มารับถ่ายโอนน้ำมันกลางทะเลน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านนั้นเป็นของใคร