ข่าว

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ป.ป.ช. เอาผิด “บิ๊กต่าย” กรณีสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน

24 มิ.ย. 2567

"บิ๊กโจ๊ก” ลุยยื่นคำร้อง ป.ป.ช. เอาผิด “บิ๊กต่าย” กับอีก 2 นายพล กรณีมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และจนถึงวันนี้ยังไม่ถอนคำสั่ง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.

24มิ.ย.2567 เวลา 12.20 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช. ) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. หรือ บิ๊กโจ๊ก ยื่นหนังสือให้ทำการตรวจสอบ กรณีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ 3 นาย ประกอบด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย รองผบ.ตร. อดีตรักษาราชการแทน ผบ.ตร. พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี และ พล.ต.ต.อภิสัณห์  หว้าจีน ผู้บังคับการกองวินัย

    

กรณี ตำรวจทั้ง 3 นาย มีความเห็นกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ว่า คำสั่งดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย และ หลังจากกฤษฎีกาตีความแล้ว กลับไม่มีการแก้ไขเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายปกติ เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม กฎหมายได้ให้ทางเลือกไว้ 2 ทาง คือ 1. การฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย 2 .ร้องเรียน ป.ป.ช. ตนเลือกใช้ทางเลือกร้อง ป.ป.ช. จากกรณีเซ็น คำสั่ง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน และไม่ยอมแก้ไขคำสั่งให้ถูกต้อง ตามความเห็นของกฤษฎีกา ซึ่งตีความไปแล้วว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

     

ทั้งที่นายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือส่งตนกลับ มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วเมื่อ 18 เม.ย.2567 โดยข้อความระบุว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) มีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงไปแล้ว  ดังนั้น จึงต้องมีความเห็นของคณะกรรมการชุดดังกล่าวเสียก่อน  แต่ในกรณีนี้อดีต รรท.ผบ.ตร. กลับออกคำสั่งให้ตนออกจากราชการในวันที่นายกรัฐมนตรีส่งตัวกลับมา

 

อดีต รรท.ผบ.ตร. เร่งรีบให้ออกจากราชการเกินไป เพราะดันไปเชื่อตร.บางนาย ที่ไม่อ่าน พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ พ.ศ.2565 ให้แจ่มแจ้ง การกระทำที่เร่งรีบจนเกินเหตุ จึงกระทบสิทธิ์ของตน และไม่ตรงกับ พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ ดังนั้นตนจึงต้องดำเนินการตามสิทธิ์ ต่อสู้ตามขั้นตอน ตามกรอบกฎหมายที่กำหนดไว้

 

ซึ่งไม่ใช่แค่ รรท.ผบ.ตร.เท่านั้น แม้แต่นายกรัฐมนตรี หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ต้องใช้สิทธิ์ในการฟ้องร้องดำเนินคดี และการออกมาพูดในลักษณะนี้ ไม่ใช่การข่มขู่ นายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด แต่แค่เตือนเท่านั้น ไม่ได้กลัวว่านายกฯจะโกรธเคือง เพราะตนพูดไปตามกฎหมาย เมื่อไม่ถูกต้องก็ต้องว่ากันไป

 

ส่วนตัวไม่ได้โกรธเคืองตัวบุคคลหรือนายเศรษฐา ทวีสิน แต่ถ้านายเศรษฐา ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนก็จะต้องฟ้องนายกรัฐมนตรี แต่เป็นการฟ้องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้นมิใช่ฟ้องตัวบุคคล

 

หากได้รับการเยียวยามีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้กลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ก็พร้อมจบทุกปัญหาทั้งหมด จะไม่มีการไล่ล่าสางแค้นใครอย่างแน่นอน

    

ส่วนกรณีที่หลายคนระบุว่า นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ออกมาช่วยให้ตนกลับเข้ารับราชการนั้น  เรียนว่า นายวิษณุ ไม่ได้ออกมาช่วยตน แต่พูดไปตามหลักกฎหมาย และเป็นไปตามความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเท่านั้น

      

สุดท้ายแล้ว ในกรณีของตน จุดจบของเรื่องนี้ คงอยู่ที่ชุดคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม